ซานตาคลอส คือใคร? มีซานตาคลอสจริง ๆ หรือเปล่า? เราลองมารู้จักกับกำเนิดของคุณลุงซานต้า และตำนานความเชื่อของซานตาคลอสในแต่ละประเทศกันค่ะ แต่ละประเทศเรียกว่าซานตาคลอสเหมือนกันทุกประเทศไหม ที่นี่มีคำตอบจ้า

ที่มาของ ซานตาคลอส

Saint_Nicholas

เพื่ออรรถรสในการอ่าน อย่าลืมเข้าไปกดฟังและดูความหมายเพลง Santa Claus is Coming to Town ได้ที่นี่

ซานตาคลอส

กำเนิดซานต้า มีตำนานได้กล่าวไว้ว่า ซานตาคลอส ก็คือเซนต์ นิโคลัส ผู้เป็นสังฆราชแห่งเมืองไมรา มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรตที่4 เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบช่วยเหลือคนยากไร้เสมอๆ วันหนึ่ง นักบุญนิโคลัส เกิดสงสารครอบครัวเด็กหญิงคนหนึ่งที่แสนยากจน และด้วยความมีน้ำใจ เขาได้แอบปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของครอบครัวเด็กหญิงคนนี้ และหย่อนถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ แต่บังเอิญถุงเงินได้ตกใปในถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนไว้ข้างเตาผิงพอดี ทางครอบครัวน้องจึงแปลกใจว่าใครกันหนอ ได้มาช่วยเหลือพวกเขา และได้ทราบต่อมาในภายหลังว่าคือนักบุญนิโคลัสนั่นเอง

เซนต์ นิโคลัส ได้เผยแผ่ศาสนา และอุทิศชีวิตให้กับศาสนาคริสต์จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ก่อนที่จะมรณภาพในวันที่ 6 ธันวาคม ราว ค.ศ.340 โดยผู้คนได้สร้างโบสถ์เพื่อเก็บกระดูกท่านไว้ ที่เมืองไมรา ที่นี่ ได้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ มีน้ำมนต์ไหลออกมาจากกระดูกของท่าน

ต่อมา ชาวเมืองบารี่ เมืองเล็กๆในอิตาลี ต้องการหาสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองตัวเอง จึงได้จ้างนักโจรกรรม ไปขโมยกระดูกของเซนต์นิโคลัส มายังเมืองบารี่ เมื่อการโจรกรรมสำเร็จ ชาวบารี่ได้สร้างโบสถ์บรรจุกระดูกของท่าน เหตุการณ์มหัศจรรย์ น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้ไหลออกมาจากกระดูกเช่นเดียวกัน เมื่อนักบุญที่มาเคารพกระดูกท่านได้นำน้ำมนต์นี้มาใช้รักษาโรค ก็รักษาได้ผลชะงัก จากนั้น ที่แห่งนี้ก็กลายเป็นสิ่งดึงดูดคนได้อย่างล้นหลาม กระทั่งในคริสต์ศตวรรตที่ 12 ชาวเมืองฝรั่งเศสได้กำหนดวันที่ 6 ซึ่งเป็นวันมรณภาพของเซนต์นิโคลัส ให้เป็น “วันเซนต์นิโคลัส” และได้นำถุงเท้าที่ใส่อาหาร ขนมไปแขวนไว้หน้าบ้านของคนยากไร้ตามแบบอย่างท่าน ก่อนที่ประเพณีนี้จะแพร่อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรป และแพร่หลายไปในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะได้มีการผนวกวันเฉลิมฉลองเซนต์ นิโคลัส เข้ากับวันคริสต์มาส

ต่อมาจิตรกรนาม “โธมัส นาสต์” (Thomas Nast) ได้เขียนภาพซานตาคลอสขึ้นมาเป็นชายแก่ร่างอ้วนใส่เสื้อผ้า และหมวกสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นยานพาหนะที่มีกวางเรนเดียร์ลาก โดยจะปรากฎตัวในวันคริสต์มาส ลงมาทางปล่องไฟของบ้านเพื่อเอาของขวัญมาให้เด็ก ๆ ที่แขวนถุงเท้าไว้นั่นเอง

แค่นึกถึง “ซานตาคลอส” แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกถึงความใจดี อบอุ่น มีเมตตา ทำให้รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกนะคะ ความดีงามจากการ “ให้” อย่างมากมาย โดยไม่เคยหวังผลตอบแทนของนักบุญนิโคลัสนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว ก็ยังตราตรึงอยู่ในใจคนจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่จางหายไปไหนเลย

ที่มา: wikipedia

เราลองมาดูมุมมองความเชื่อเกี่ยวกับซานตาครอสในแต่ละประเทศกันดูนะคะ

ซานตาคลอส

ซานตาคลอสในอังกฤษ
ที่มา: flavorwire.com

ณ เมืองแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์ .. ประเทศที่เป็นแหล่งที่มาของซานตาคลอส เพราะที่นั่นมีหมู่บ้านซานตาคลอสและ มีผู้ตอบรับความฝันของเด็กทั่วโลก ด้วยการเนรมิตรีสอร์ทแสนสวยให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่คุณสามารถตามหาซานต้าตามความฝันในวัยเด็ก และในช่วงเวลา 23 ปีที่ผ่านมาในหมู่บ้านซานตาคลอสนี้ได้ช่วยเติมเต็มความฝันและสร้างประสบการณ์สำหรับเด็กๆและผู้ใหญ่ที่ยังมีความฝันในวัยเด็กได้อย่างน่าทึ่ง เป็นการสร้างประสบการณ์แสนประทับใจไม่รู้ลืม

Joyeux_Noel ซานตาคลอส ในฝรั่งเศส

ซานตาคลอสในฝรั่งเศส
ที่มา: wikipedia

ซานตาคลอสในฝรั่งเศสจะเรียก Père Noël (แปร์ โนแอล) บางครั้งก็เรียกว่า Papa Noël (ป๊าปะ โนแอล) เป็นผู้ำนำของขวัญในตำนานวันคริสต์มาสของประเทศฝรั่งเศส หรือพื้นที่อื่นๆ ที่พูดภาษาฝรั่งเศส และถึงแม้ว่าชื่อเรียก และประเพณีจะไม่เหมือนกับในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ แต่จะมีลักษณะที่เหมือนกัน คือมีเครื่องแต่งกายที่มีสีแดง มาจากขั้วโลกเหนือ พร้อมกับทีมกวางเรนเดียร์ ในประเทศฝรั่งเศส

ซานตาคลอส ประเทศอังกฤษ

ซานตาคลอสในอังกฤษ
ที่มา flavorwire.com

Father Chrismas  เป็นชื่อดั้งเดิมที่ใช้เรียกซานต้าของชาวอังกฤษ  ตำนานของ Father Christmas ย้อนหลังไปที่ศตวรรษที่ 16 ในประเทศอังกฤษ ช่วงยุคการปกครองของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 เมื่อ Father Christmas ถูกวาดภาพในรูปแบบของชายร่างใหญ่ในชุดเสื้อผ้าขนสัตว์สีแดงหรือสีเขียว Father Christmas จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ในวันคริสมาสต์ในการนำความสงบสุข, อาหารและไวน์ที่ดี มาสู่ชาว

ซานตาคลอส ประเทศญี่ปุ่น

ซานตาคลอสในญี่ปุ่น
ที่มา: flavorwire.com

เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ของคนญี่ปุ่นเท่านั้นที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ถึงกระนั้น คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ตกแต่งร้านค้าและบ้านของพวกเขาในระหว่างเทศกาลคริสมาสต์ และมีการเฉลิมฉลอง มีการให้หรือแลกของขวัญซึ่งกันและกัน

เรียนการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์

ชาวญี่ปุ่นจะมีความเชื่อเกี่ยวกับพระญี่ปุ่นซึ่งพวกเขาเรียกกันว่า Hotei-osho บ้างก็เชื่อว่าเขามีตาอยู่บนหลังศีรษะ บ้างก็เล่าว่าเขาเดินทางด้วยกวางเรนเดียร์จมูกแดง บ้างก็บอกว่าเขาอยู่คนเดียว ซึ่งซานตาคลอสของญี่ปุ่นแตกต่างจากเรื่องเล่าต่างๆของคริสต์เตียน สำหรับชาวญี่ปุ่นที่เป็นคริสต์เตียน เทศกาลคริสต์มาสในญี่ปุ่นไม่ใช่วันสำหรับครอบครัว พวกเขาไม่มีไก่งวง หรือพุดดิ้งลูกพลัม ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว วันนี้เป็นวันที่ดี ที่พวกเขาสามารถทำเพื่อผู้อื่น หรือเพื่อการกุศล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล

ในคืนส่งท้ายปีเก่า หรือ New Year’s Eve เด็กๆจะมีการแสดงวันที่พระเยซูเกิดใน Bethlehem และ ร้องเพลงประสานเสียงกันที่โรงเรียน และที่บ้านจะถูกทำให้สะอาดและถูกตกแต่ง และสมาชิกในครอบครัวก็จะโยนถั่วเพื่อโชคดีและรอคอยของขวัญจากพระผู้เมตตา

ซานตาคลอส ประเทศเนเธอร์แลนด์

ซานตาคลอสในเนเธอร์แลนด์
ที่มา: wikipedia

ซานต้าสำหรับเด็กส่วนใหญ่ในฮอลแลนด์ จะถูกเฉลิมฉลองในวันเซนต์นิโคลัสอีฟ (วันที่ 5 ธันวาคม) ซึ่งคซินเตอร์คลาส (เซนต์นิโคลัส) จะนำของขวัญมาให้กับพวกเด็กๆ

ซานตาคลอสชาวดัตช์เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งดูเหมือนสมเด็จพระสันตะปาปามากกว่าชายอ้วนท้วมร่าเริง เขาจะสวมเสื้อคลุมโอ่อ่าสง่างาม และจะออกไปพร้อมกับ ชายที่มีชื่อว่าBlack Peter (Zwarte Piet) และยานพาหนะของเค้าก็คือ เรือยนต์ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ และเมื่อเขามาถึงเมือง ระฆังจากทุกๆโบสถ์ในเมืองก็จะดังขึ้นพร้อมกันเพื่อเป็นกานต้อนรับ (ปัจจุบัน เขาอาศัยอยู่ในสเปน ก่อนที่เขาจะทำงานนี้ เขาเคยเป็นบาทหลวงในตุรกี ) เขาจะมีเวลาสามสัปดาห์ในการแจกจ่ายของขวัญให้แก่เด็กดีทั้งหลาย โดยการบินเหนือหลังคาบ้าน และหย่อนของขวัญลงในปล่องไฟ

ซานตาคลอส ประเทศอิตาลี

ซานตาคลอสในอิตาลี
ที่มา: flavorwire.com

La Befana (ลา บีฟาน่า) ได้เป็นประเพณีของชาวอิตาลีตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมาจากตำนานของคริสเตียน เรื่องมีอยู่ว่า La Befana ได้รับการขอร้องจากนักปราชญ์อาวุโสสามคนเพื่อให้เธอนำทางพวกเขาไปหาพระเยซูซึ่งเพิ่งเกิดและนอนอยู่บนรางหญ้า แต่ตอนนั้น La Befana กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานบ้านของเธอ เธอจึงปฏิเสธที่จะไปกับพวกเขา และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตระหนักว่าเธอได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงรวบรวมของขวัญจำนวนมากใส่ในถุงขนาดใหญ่และออกเดินทางคนเดียวเพื่อไปหา Baby Jesus แม้ว่าเธอจะไปทางเดียวกับพวกนักปราชญ์พวกนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถหาที่ที่พระเยซูเกิดได้ แต่ถึงอย่างนั้น La Befana ก็ยังคงเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาเด็กคริสเตียน เพื่อค้นหาถุงเท้าเพื่อที่จะใส่ของขวัญให้กับเด็กที่มีพฤติกรรมดีในปีนั้นๆ

ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ที่ไหนในอิตาลี คุณจะได้รับของขวัญในวันใดวันหนึ่ง คือ Epiphany (วันที่ 6 ธันวาคม) หรือ Christmas (วันที่ 25 ธันวาคม) โดย La Befana เธอเป็นแม่มดใจดีที่จะให้ ขนม ลูกกวาด ผลมะเดื่อ และสารพัดของขวัญที่ดึงดูดใจเด็กๆ โดยใส่มันลงไปในถุงเท้าของเด็กดีทั้งหลาย และลูกกวาดสีดำสำหรับเด็กไม่ดี หากซานต้าชอบกินคุกกี้ La befana ก็คงจะชอบดื่มไวน์ ดังนั้น แต่ละครอบครัวก็จะวางแก้วไวน์ไว้ให้เธอดื่ม เพื่อให้เธอเพลิดเพลินไปกับการเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้าโดยไม้กวาดของเธอ

ที่มา: flavorwire.com ซานตาคลอส ประเทศสวิีเดน

ซานตาคลอสในสวีเดน
ที่มา: flavorwire.com

Jultomten (ยูลทอมเทิน) คือคนที่ส่งของขวัญและกำลังใจให้กับชาวสวีเดน ซึ่งตามตำนาน Tomten จะมีรูปร่างเล็ก แก่ มีเครา และสวมหมวก เหมือนตุ๊กตาในสวนหรือในฟาร์ม ซึ่งจะมาเยี่ยมบ้านในช่วงคืนคริสต์มาสอีฟ เพื่อแจกจ่ายของขวัญให้กับเด็กๆ โดยจะไม่ได้แอบเข้าไปในบ้านผ่านทางปล่องไฟเหมือนซานตาคลอสตามความเชื่อของอเมริกา

ded moroz ซานตาคลอส ประเทศรัสเซีย

ซานตาคลอสในรัสเซีย
ที่มา: snegurochka-dedmoroz.ru

Ded Moroz หรือ Grandfather Fros สวมชุดซานต้าและมีไม้เท้าวิเศษ และเขาจะไปทุกที่กับหลานสาวของเค้า Sengurochkaเพื่อไปแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ยานพาหนะของเค้าคือ ม้าสีขาว 3 ตัว

ซานตาครอสของชาวรัซเซีย จะมีลักษณะเป็นชาวรัซเซียขนานแท้ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและทัศนคติ เขาสวมใส่ชุดโคทตัวยาวที่แสดงความเป็นรัซเซีย ชุดของเขามีทั้งสี แดง ฟ้า เงิน และทอง หรือสีอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมตามฤดูกาล และประดับด้วยขนสีขาว เขาไม่ได้ใส่หมวกสีแดงทรงกรวยเหมือนซานตาคลอสแถบตะวันตก แต่เขาใส่ทรงกลมแบบชาวรัซเซีย และปลายของหมวกก็ตัดเย็บด้วยขนเช่นกัน เสื้อผ้าของเขาตกแต่งอย่างหรูหรา เพื่อแสดงความเป็นรัซเซีย และความเป็นสุภาพบุรุษสูงไวที่สูงและผอมบาง

กลับไปหน้า วันคริสต์มาส

สนับสนุนโดย ข่าวฟุตบอล ข่าวบอลอังกฤษ บอลสเปน บอลไทย ข่าวกีฬารอบโลก