วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี มีการให้คำขวัญวันเด็กทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น จากคำกล่าวที่ว่า อนาคตของประเทศชาติจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพชีวิตของเด็กในประเทศนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องให้ การพิทักษ์รักษาคุ้มครองทางด้านกฎหมาย ตลอดจนให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ เพราะถือว่า เด็ก คือมนุษย์ที่ยังอ่อนอยู่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

[spoiler title=”สารบัญเนื้อหา” style=”fancy” icon=”plus-square-1″]

[/spoiler]

วันเด็กแห่งชาติ

วันเด็ก ตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมทุกปี โดย วันเด็กแแห่งชาติในปี 2563 ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 ซึ่งใน วันเด็ก นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น จะมีการให้ คำขวัญวันเด็ก ซึ่งเป็น คำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

โดยความสำคัญของวันเด็กแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังในการพัฒนาชาติในอนาคต นอกจากนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศ ได้รู้ถึงความสำคัญของตนเอง รู้จักสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม

คำขวัญวันเด็ก 2563

โดยในปีนี้ คำขวัญวันเด็ก 2563 ที่ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ คำขวัญวันเด็ก2563 ไว้ว่า

เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย

คำขวัญวันเด็ก 2563

คำขวัญวันเด็กในอดีต

คำขวัญวันเด็กในอดีต นอกจากคำขวัญวันเด็กปี 2563 เมื่อย้อนไปดูในอดีต คำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2499 ในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม (หรือรู้จักกันในชื่อ จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และต่อมาในปี พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบคำขวัญวันเด็กอีกครั้ง จึงได้ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

วันเด็ก

คำขวัญวันเด็ก 2563 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย


คำขวัญวันเด็ก 2562 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ


คำขวัญวันเด็ก 2561 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี


คำขวัญวันเด็ก 2560 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง


คำขวัญวันเด็ก 2559 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เด็กดี หมั่นเพียร เรียนรู้ สู่อนาคต


คำขวัญวันเด็ก 2558 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต


คำขวัญวันเด็ก 2557 สมัยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

กตัญญู รู้หน้าที่ เป็นเด็กดี มีวินัย สร้างไทย ให้มั่นคง


คำขวัญวันเด็ก 2556 สมัยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน


คำขวัญวันเด็ก 2555 สมัยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี


คำขวัญวันเด็ก 2554 สมัยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ


คำขวัญวันเด็ก 2553 สมัยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2552 สมัยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี


คำขวัญวันเด็ก 2551 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์

สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2550 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์

มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข


คำขวัญวันเด็ก 2549 สมัยนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด


คำขวัญวันเด็ก 2548 สมัยนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด


คำขวัญวันเด็ก 2547 สมัยนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดี ๆ อนาคตดีแน่นอน


คำขวัญวันเด็ก 2546 สมัยนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี


คำขวัญวันเด็ก 2545 สมัยนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส


คำขวัญวันเด็ก 2543-2544 สมัยนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย

มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย


คำขวัญวันเด็ก 2541-2542 สมัยนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย

ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย


คำขวัญวันเด็ก 2540 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ

รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด


คำขวัญวันเด็ก 2539 สมัยนายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา

มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด


คำขวัญวันเด็ก 2538 สมัยนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย

สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม


คำขวัญวันเด็ก 2536-2537 สมัยนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย

ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม


คำขวัญวันเด็ก 2535 สมัยนายกรัฐมนตรี อานันท์ ปันยารชุน

สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม


คำขวัญวันเด็ก 2534 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ

รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา


คำขวัญวันเด็ก 2532-2533 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ

รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2529-2531 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2528 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2527 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา


คำขวัญวันเด็ก 2526 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2525 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติศาสน์กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย


คำขวัญวันเด็ก 2524 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม


คำขวัญวันเด็ก 2523 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์

อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย


คำขวัญวันเด็ก 2522 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์

เด็กไทยคือหัวใจของชาติ


คำขวัญวันเด็ก 2521 สมัยนายกรัฐมนตรี พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์

เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง


คำขวัญวันเด็ก 2520 สมัยนายกรัฐมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียร

รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย


คำขวัญวันเด็ก 2519 สมัยนายกรัฐมนตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดีมีวินัยเสียแต่บัดนี้


คำขวัญวันเด็ก 2518 สมัยนายกรัฐมนตรี สัญญา ธรรมศักดิ์

เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี


คำขวัญวันเด็ก 2517 สมัยนายกรัฐมนตรี สัญญา ธรรมศักดิ์

สามัคคีคือพลัง


คำขวัญวันเด็ก 2516 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ


คำขวัญวันเด็ก 2515 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ


คำขวัญวันเด็ก 2514 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

ยามเด็กจงหมั่นเรียนเพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ


คำขวัญวันเด็ก 2513 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส


คำขวัญวันเด็ก 2512 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ


คำขวัญวันเด็ก 2511 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย มีความเฉลียวฉลาด และรักชาติยิ่ง


คำขวัญวันเด็ก 2510 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรง เรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย


คำขวัญวันเด็ก 2509 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี


คำขวัญวันเด็ก 2508 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ถนอม กิตติขจร

เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี


คำขวัญวันเด็ก 2506 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด


คำขวัญวันเด็ก 2505 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด


คำขวัญวันเด็ก 2504 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย


คำขวัญวันเด็ก 2503 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด


คำขวัญวันเด็ก 2502 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์

ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า


คำขวัญวันเด็ก 2499 สมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล แปลก พิบูลสงคราม

จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม


คำขวัญวันเด็ก 2562ในพ.ศ. 2507 ไม่มีคำขวัญวันเด็ก เนื่องจากไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติ ด้วยเหตุผลเรื่องการเสนอการเปลี่ยนวันเด็กแห่งชาติ จากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม มาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสนอ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติในการเปลี่ยนวันเด็กแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ปี พ.ศ. 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว

 

ประวัติวันเด็ก ความเป็นมาวันเด็ก

งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ

รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ประวัติวันเด็ก

งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้

กิจกรรมวันเด็ก และ การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ

กิจกรรมวันเด็ก

ปีพุทธศักราช 2498 อันเป็นปีที่ทั่วโลกเริ่มจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติกันขึ้น ตามความเห็นคล้อยตามกับองค์การสหประชาชาติที่นำปัญหาเรื่องเด็กมาร่างเป็นปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของเด็กขึ้นมา

ประเทศไทยได้รับข้อเสนอของนาย วี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศ ผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า ประเทศไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของเด็กให้มากขึ้น ดังที่นานาประเทศกำลังทำอยู่

ขณะนั้น สภาวัฒนธรรมแห่งชาติยังมิได้ถูกยุบเลิกไป คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา ในที่สุดที่ประชุมได้เห็นชอบนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2498 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีรับหลักการ ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการ ส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดงานั้น ได้อนุมัติเงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลมาดำเนินการ

ดังนั้น ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 ประเทศไทย จึงมีงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากนั้นเป็นต้นมา ทางราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติสำหรับประเทศไทย และจัดติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ.2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ เพื่อความเหมาะสมด้วยเหตุผลว่า ในเดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทยเราเป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ ไม่สะดวกในการมาร่วมงาน ประการต่อไปก็คือ วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้ ตลอดจนการจราจรก็ติดขัด จึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนไปเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเสียทุกสิ่งทุกอย่างได้สะดวกสบายขึ้น และมีความเหมาะสมมากกว่า

จากข้อเสนอดังกล่าว คณะรัฐมนตรีในขณะนั้นมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติเสนอ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 จึงประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม มาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ปี พ.ศ.2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว

งานวันเด็กแห่งชาติได้เริ่มจัดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ.2508 และจัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาได้ 38 ปีแล้ว (งดจัดในปี พ.ศ.2507 หนึ่งปี)

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน วันเด็ก

  1. เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ
  2. เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
  3. เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตน และอยู่ในระเบียบวินัยอันดี
  4. เพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก

ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็กและเยาวชน ขององค์การสหประชาชาติ

งานวันเด็ก

  1. เด็กและเยาวชน พึงได้รับสิทธิเท่าเทียมกันโดยปราศจากการแบ่งแยกหรือกีดกัน ไม่ว่าโดยวิธีใด ๆในเรื่อง เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง เผ่าพันธุ์แห่งชาติ หรือ สังคมทรัพย์สิน กำเนิดหรือสถานะอื่น ๆ ไม่ว่าจะของเด็กหรือของครอบครัวก็ตาม
  2. เด็กและเยาวชน พึงได้รับการพิทักษ์คุ้มครองเป็นพิเศษ อันจะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทั้งทางกาย ทางสมอง และจิตใจเพื่อให้ร่วมอยู่ในสังคมได้อย่างปกติชน
  3. เด็กและเยาวชน มีสิทธิที่จะได้มีชื่อและมีสัญชาติแต่กำเนิด
  4. เด็กและเยาวชน พึงได้รับความมั่นคงทางสังคมและเติบโตอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นทั้งแม่และเด็ก ควรได้รับการดูแลและคุ้มครองเป็นพิเศษ ทั้งเมื่ออยู่ในครรภ์และภายหลังเมื่อคลอดแล้ว โดยได้รับสิทธิในเรื่องที่อยู่อาศัย ได้รับอาหาร ได้รับการดูแลทางแพทย์ และโดยเฉพาะเด็ก ๆ ให้ได้รับการเล่นรื่นเริงเพลิดเพลินด้วย
  5. เด็กและเยาวชน ที่พิการทั้งทางร่างกาย สมอง และจิตใจ มีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพิเศษ หมายถึง การดูแลรักษาและการศึกษาที่เหมาะสมกับสภาวะของเด็กโดยเฉพาะ
  6. เด็กและเยาวชน พึงได้รับความรักและความเข้าใจ อันจะช่วยพัฒนาบุคลิกของตน โดยเติบโตอยู่ในความรับผิดชอบของบิดามารดาของเด็กเอง และในทุกกรณี เด็กจะต้องอยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ปลอดภัย และไม่พลัดพรากจากพ่อแม่ ในกรณีที่เด็กไม่มีครอบครัวหรือมาจากครอบครัวที่ยากจนและมีลูกมากก็จะได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษ จากรัฐหรือองค์การต่าง ๆ
  7. เด็กและเยาวชน มีสิทธิที่จะได้รับการศึกษา ซึ่งครูควรจะจัดให้เปล่าอย่างน้อยในชั้นประถมศึกษา เพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมโดยทั่ว ๆ ไป และให้เด็กเติบโตเป็นสมาชิกผู้ยังประโยชน์ต่อสังคมคนหนึ่ง การศึกษานี้คลุมไปถึงการแนะแนวทางชีวิต ซึ่งมีบิดามารดาเป็นผู้รับผิดชอบก่อนบุคคลอื่น ๆ เด็กจะต้องมีโอกาสได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน จากการเล่นและรื่นเริงพร้อมกันไปด้วย
  8. เด็กและเยาวชน จะเป็นบุคคลแรกที่ได้รับการคุ้มครองและสงเคราะห์ในทุกกรณี
  9. เด็กและเยาวชน พึงได้รับการปกป้องให้พ้นจากการถูกทอดทิ้ง จากความโหดร้ายทารุณ และการถูกข่มเหง รังแกทุกชนิด เด็กจะต้องไม่กลายเป็นสินค้า ไม่ว่าในรูปใด จะต้องไม่มีการรับเด็กเข้าทำงานก่อนวัยอันสมควร ไม่มีการกระทำใด ๆ อันจะมีชักจูงหรืออนุญาตเด็กให้จำต้องรับจ้างทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพของเด็ก หรือเป็นเหตุให้การพัฒนาทางกายทางสมองและทางจิตใจของเด็กต้องเสื่อมลง
  10. เด็กและเยาวชน พึงได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากการกระทำที่แสดงถึงการกีดกัน แบ่งแยก ไม่ว่าทางเชื้อชาติ ศาสนาหรือรูปใด ๆ เด็กจะต้องได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา ” ในภาวะแห่งจิตที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ และมีการหย่อนหนักหย่อนเบามิตรภาพระหว่างชนชาติต่าง ๆ สันติภาพ และภาพสากล และด้วยการสำนึกเต็มที่ว่าพละกำลังและความสารถพิเศษในตัวเขา ควรจะอุทิศเพื่อรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

คำค้น : วันเด็กแห่งชาติ ประวัติวันเด็กแห่งชาติ กิจกรรมวันเด็ก และความสำคัญของวันเด็ก

เพลงวันเด็ก

เพลงวันเด็ก วันเด็กแห่งชาติ

เพลง หน้าที่ของเด็ก หรือ เพลง เด็กเอ๋ยเด็กดี

เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน

หนึ่ง นับถือศาสนา
สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์
สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน

ห้า ยึดมั่นกตัญญู
หก เป็นผู้รู้รักการงาน
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน

แปด รู้จักออมประหยัด
เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา

สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา
จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ

เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน

[youtube url=”https://www.youtube.com/watch?v=Ss8zrPR55NM” width=”480″ height=”360″]

เพลงนี้ ประพันธ์คำร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักเขียนนวนิยายชื่อดังคนหนึ่งของไทย ซึ่งท่านเป็นพี่สาวของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2534

ครูชอุ่ม ได้เล่าถึงที่มาของเพลง หน้าที่ของเด็ก ว่า ในอดีต เมื่อ ปี พ.ศ. 2498 ทางสหประชาชาติได้ประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยหน้าที่ของเด็ก โดยนาย วี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมจัดงานวันเด็กเพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ รัฐบาลไทย ซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศ ทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ และศาสนา ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ ซึ่งท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติคนหนึ่ง ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้นำเนื้อหาดังกล่าว มาแต่งเป็นกลอนให้คล้องจองกัน และขอให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน แต่งทำนองให้ จากนั้น ก็ได้มีการนำเพลงนี้ ไปเปิดทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ในวันเด็กแห่งชาติทุกปี จนถึงทุกวันนี้

การละเล่นพื้นบ้านของเด็กไทย

การละเล่นพื้นบ้าน ของเด็กไทย

การละเล่นเด็กไทย เป็นการละเล่นของเด็กตั้งแต่สมัยโบราณ เกิดจากการช่างคิดช่างจินตนาการและความสร้างสรรค์ การสังเกตสิ่งรอบตัว และการใฝ่เรียนรู้ใฝ่เรียน นำมาผสมผสานเข้ากับความสนุกในแบบฉบับของคนสยามได้อย่างลงตัว จนทำให้เกิดเป็นการละเล่นชนิดต่าง ๆ ขึ้นมา สมัยนี้มักไม่ค่อยได้พบเห็นการละเล่นประเภทเหล่านี้กันบ่อยนัก เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป ดังนั้น เราจึงควรนำการละเล่นทั้งหมดเท่าที่พอทราบได้ รวบรวมและสรุป นำมาบันทึกเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าอ้างอิง เพื่อให้สิ่งเหล่านี้นั้นไม่ล่วงเลยสูญหายไปตามกาลเวลา

1. การเล่นว่าว Kite flying
2. ตีลูกล้อ Wheel rolling
3. รีรีข้าวสาร Catching the last one in the line
4. งูกินหาง Snatching a baby from the mother snake
5. แมงมุมขยุ้มหลังคา Spider clutching the roof
6. หมากเก็บ Pebbles tossing and picking
7. ซ่อนหา Hide and seek
8. จ้ำจี้ Touching a finger on the hands
9. ชักเย่อ Tug of war
10. วิ่งเปี้ยว Chase racing
11. มอญซ่อนผ้า Hiding a cloth behind one’ s back
12. อ้ายเข้อ้ายโขง Teasing the crocodile
13. ลิงชิงหลัก Monkeys scrambling for posts
14. โพงพาง Trapping the fish
15. ตี่จับ Humming and Tagging (Kabaddi)
16. ปิดตาตีหม้อ Blindfold pot-hitting
17. เดินกะลา Walking with coconut shells
18. กระโดดเชือก Rope skipping
19. ขี่ม้าส่งเมือง Piggyback racing
20. ลูกข่าง Top spinning
21. ขี่ม้าก้านกล้วย Banana rib hobbyhorse riding

ขอขอบคุณข้อมูล วันเด็กแห่งชาติ จาก : http://www.rid.go.th
wikipedia.org

กลับขึ้นไปด้านบน | ไปหน้า เกร็ดความรู้