ซิดนีย์ ลักษณะโดยทั่วไป

ซิดนีย์ (Sydney) เป็นเมืองหลวงของรัฐ New South Wales มีประชากรมากว่า 4 ล้านคน เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย เป็นเมืองที่นักเรียนไทย นิยมไปเรียนมากที่สุดในประเทศออสเตรเลีย โดยเฉพาะหลักสูตร เรียนภาษาอังกฤษทั่วไป

ซิดนีย์ เป็นเมืองแห่งสีสันถ้าจะเปรียบเทียบกับกรุงเทพ ฯ แล้ว มีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่างเช่น มีแหล่ง Shopping มากมาย ระบบคมนาคมที่ใช้ระบบรางเป็นหลัก รวมถึงความหนาแน่นของประชากร แต่สิ่งที่ ซิดนีย์ดูจะเหนือกว่ากรุงเทพ ฯ มาก ๆ ก็คือ ความสะอาด ความมีระเบียบวินัยพลเมือง และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเช่น Opera House, Sydney Harbour Bridge และอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของนักเรียนไทย อยากไปเรียนต่อที่ซิดนีย์ คือ ซิดนีย์ มีงาน Part Time ให้ทำเยอะมากซึ่งเป็นผลดีอย่างมากในการที่นักเรียนจะได้มีโอกาส หารายได้พิเศษมาใช้ในชีวิตประจำวัน

ธง เมืองซิดนีย์

ภูมิประเทศ ซิดนีย์

ซิดนีย์ แบ่งคร่าวๆ ได้เป็นสี่ภูมิภาค ได้แก่ แนวชายฝั่ง เทือกเขาเกรตดีไวดิ้งเรนจ์ ที่ตั้งอยู่ในตัวทวีปห่างจากฝั่งราว 100 กม. ภูเขาบลูเมาเทนด้านตะวันตกของนครซิดนีย์ และภูเขาสโนวีเมาเทน ทางทิศใต้ ทางตะวันตกของเทือกเขาเกรตดีไวดิ้งเรนจ์ คือแถบชนบทที่ทำฟาร์ม เป็นที่ราบ แห้งแล้ง และปกคลุมพื้นที่ 2 ใน 3 ส่วนของรัฐ ที่ราบจะจางหายเข้าไปในเขตร้างผู้คนที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันตก ซึ่งมีอุณหภูมิในฤดูร้อนที่อาจขึ้นสูงถึงเกิน 40 องศาเซลเซียส แม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำเมอเล่ย์และแม่น้ำดาร์ลิงค์ ซึ่งคดเคี้ยวไปมาสู่ทิศตะวันตกผ่านที่ราบ

ภูมิอากาศ ซิดนีย์

Sydney เป็นเมืองที่อากาศสดใสมีแสงแดดมากกว่า 300 วันต่อปี เหมาะแก่การท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสและมีอากาศชื้น ในฤดูหนาว อุณหภูมิอาจต่ำลงถึง 10 องศาเซลเซียส แต่โดยทั่วไปอากาศจะอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส และมีความชื้นพอสมควร Sydney จึงเหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นอย่างมาก

ฤดูกาลในซิดนีย์ อุณหภูมิในซิดนีย์
ฤดูกาล
อุณหภูมิ
ฤดูร้อน : ธ.ค. – ก.พ.
17 – 26 องศา
ฤดูใบไม้ร่วง : มี.ค. – พ.ค.
11 – 25 องศา
ฤดูหนาว : มิ.ย. – ส.ค.
8 – 18 องศา
ฤดูใบไม้ผลิ : ก.ย. – พ.ย.
11 – 24 องศา

 

ฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนกันยายน – พฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศดีเพราะเพิ่งจะผ่านหน้าหนาว มา เป็นช่วงที่ดอกไม้ผลิสวยงาม ผู้คนนิยมไปอาบแดด เล่นเวฟกันตามชายหาดต่างๆ

ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง คนที่กลัวแดดเผา แนะนำว่าควรจะทาครีมกันแดดเพราะแดดแรงกว่าที่เมืองไทยมาก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ชาวออสซี่หลายคนเป็นมะเร็งผิวหนังกันมาก

ฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนมีนาคม – พฤษภาคม ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ อาจมีฝนตกบ้างในบางครั้ง ในช่วงตอนกลางคืนควรจะสวมเสื้อคลุม เพราะอาจมีลมแรงและอากาศจะหนาว

ฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – สิงหาคม เป็นช่วงที่หนาวจัด ควรเตรียมผ้าพันคอ ถุงมือและถุงเท้าที่หนาๆ หรือสวมหมวกด้วยก็จะช่วยได้มาก แต่ในตัวเมืองซิดนีย์เองจะไม่มีหิมะตก อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 5-18 องศา จะหนาวจัดในช่วงกลางคืน ควรทาครีมบำรุงผิวเพื่อจะช่วยป้องกันผิวแห้งแตก เพราะอากาศจะแห้งมาก

การใช้ชีวิตใน ซิดนีย์

อาหาร

» การทานอาหารนอกบ้าน เป็นกิจกรรมน่าสนใจอย่างหนึ่ง หลากหลายเชื้อชาติที่มาอาศัยในเมืองนี้นำอาหารประจำชาติของตนติดมาด้วย ร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ ในเมืองจึงมากหลายหน้าตาลองชิม อาหารของแต่ละชาติ, ตั้งแต่อิตาเลี่ยน ฮังกาเรี่ยน ไปจนถึงญี่ปุ่นและเวียดนาม โดยเฉพาะแถว Chinatown และ Haymarket

ตัวอย่างร้านอาหาร

  • a’mews (french/modern french) 99 Glebe Point Rd, Glebe, Ph 9660 4999
  • bentley restaurant&bar 320 Crown St (cnr Campbell St), Surry Hills, Ph 9332 2344
  • chinese noodle restaurant (chinese) Prince Centre, 8 Quay St, Haymarket, Ph 9281 9051
  • golden harbour (chinese) 31-33 Dixon St, Haymarket, Ph 9212 5987
  • pasteur (vietnamese) 709 George St, Haymarket, Ph 9212 5622
  • thainatown (thai) 48/91 Goulburn St, Sydney, Ph 9211 0090

ที่พักใน Sydney

» Homestay «

ที่ Homestay นี้ นักเรียนจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมไปถึงการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนอกชั้นเรียนอีกด้วย เพราะบางครั้งเราใช้คำพูด หรือประโยคไม่ถูกต้อง เจ้าของบ้านอาจช่วยแก้ไขและบอกคำ หรือประโยคที่ถูกต้องให้เรา ถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษไปในตัว การพักอาศัยอยู่กับ Homestay สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ห้องเดี่ยวหรือห้องรวม หรือจะให้ทำอาหารให้เราหรือไม่ ปกติ Homestay จะไม่อนุญาตให้นักเรียนทำอาหารทานเองในบ้านเค้า นอกจากซื้อสำเร็จรูปมา

» Hostel «

» เป็นลักษณะโรงแรมขนาดเล็ก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวประเภทเป้สะพายหลัง ที่ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จะพักในระยะสั้นๆเท่านั้น เพราะราคาค่าห้องต่อคืนจะถูกกว่า โรงแรมขนาดใหญ่โดยทั่วไป ห้องนอนมีให้เลือกหลายแบบทั้งอยู่แบบคล้ายกับหอพักนักศึกษา คือมีห้องแบบแชร์กันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับนักเรียนที่จะพักอาศัยอยู่ในระยะยาว เพราะคนที่ไปพักค่อนข้างหลากหลาย ทรัพย์สิน หรือของมีค่าอาจสูญหายได้

» Student residence «

» มีทั้งที่เป็นบ้านพักหรืออพาร์ทเม้นท์ สำหรับนักศึกษาโดยเฉพาะ มหาวทิยาลัยส่วนใหญ่จะจัดที่พักนี้ไว้ให้นักศึกษาผู้ที่ต้องการ ราคาไม่สูงนักและจะอยู่ใกล้เคียงหรือภายในอาณาบริเวณของมหาวิทยาลัยนั้นๆ นักเรียนสามารถบอกความต้องการกับมหาวิทยาลัยได้ว่าต้องการห้องเดี่ยว หรือแชร์ห้องกับนักเรียนคนอื่น เพราะราคาจะแตกต่างกัน บริเวณที่พักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ อาทิ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องซักผ้า เป็นต้น

» Apartments «

มีอยู่ทั่ว ซิดนีย์ นักเรียนสามารถเช่าเองเป็นส่วนตัว หรือจะดูตามป้ายประกาศตามหนังสือพิมพ์ หรือตามบอร์ด เพื่อไปแชร์กับชาวต่างชาติอยู่ หรือจะเข้าไปติดต่อกับตัวแทนจัดหาที่พัก (Real estate agency) ก็ได้ แต่การเช่าที่พักด้วยตัวเองค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะขั้นต่ำต้องเซ็นสัญญาประมาณ 3-6 เดือน และต้องมีเงินในบัญชีประมาณ A$ 2,000 – 3,000 เพื่อโชว์ให้ตัวแทนดูว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะจ่ายหรือเปล่า แต่ถ้าหากเป็นการแชร์ อพาร์ทเม้นท์ ก็จะง่ายกว่าคือ นักเรียนดูตามป้ายประกาศ และถ้าสนใจที่ไหนก็โทรไปและนัดเวลาดูสถานที่ หากตกลงกันได้เจ้าของบ้านกับนักเรียนจะตกลงกันว่าจะเข้าอยู่ได้เมื่อไหร่ ถ้าทั้งสองฝ่ายพร้อมก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย

 » ย่านที่นักเรียนนิยมอาศัย «

นักเรียนต่างชาติโดยมากจะนิยมพักอาศัยในลักษณะการ Shared Apartment กัน หรือ Shared House โดยมากจะอาศัยกันในตัวเมืองเพราะการเดินทางที่สะดวก แต่บางคนชอบที่จะอยู่นอกเมืองมากกว่า เพราะไม่แออัดและมีธรรมชาติสวยๆล้อมรอบ ย่านหลักนอกเมืองที่นิยมไปอาศัยกันคือ

 

ที่พัก ซิดนีย์

» North Sydney «

» เนื่องจากอยู่ใจกลางของตัวเมือง เดินทางสะดวก อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น National Maritime Museum, Sydney Tower, Sydney Museum, Taronga Park Zoo, Hay Market และ Central Railway Station มีสถาบันสอนภาษา คือ North Sydney English College ย่านนี้โดยมากจะมีบ้านสวยๆ ราคาแพงๆ อยู่กันมาก เพราะถือว่าอยู่ในย่านคนมีอันจะกิน

นอร์ท ซิดนีย์

» Chatswood «

» คืออีกโซนที่น่าอยู่ ราคาบ้านปานกลาง สภาพแวดล้อมดี ชาวญี่ปุ่นนิยมอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เช่นกัน จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นจำนวนมาก และมีร้านโคคาสุกี้ ของไทยอยู่ด้วย

Chatswood Sydney

» Hurstville «

» ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของตัวเมืองSydneyประมาณ 15 กิโลเมตร และเป็นศูนย์กลางนักศึกษาที่เป็นที่นิยมไปพักกัน ที่ย่านนี้มีความเป็นธรรมชาติมาก มีสวนสาธารณะหลายแห่งด้วย

Hurstville Sydney

» Wollongong «

» อยู่นอกตัวเมืองไปเลยหากจาก Sydney ประมาณ 84.5 กิโลเมตร ขึ้นรถไฟไปประมาณ 1.5 ชม. แต่บริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบ มีชายหาดสวยๆ หลายแห่ง และยังเป็นที่ตั้งของ University of Wollongong ด้วย ดังนั้นนักเรียนที่เรียนที่เรียนที่มหาวิทยาลัย Wollongong ส่วนใหญ่เลือกที่จะไปอาศัยในบริเวณนี้

การทำงานพิเศษใน ซิดนีย์

» สำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการทำงานพิเศษนอกเวลาเรียน หรือที่เราเรียกว่าการขอ Work Permit นักเรียนจำเป็นจะต้องขออนุญาตอย่างถูกต้องจากImmigration ของประเทศ Australia นักศึกษาไทยที่ขอวีซ่านักเรียนจากประเทศไทยไป ในวีซ่าของท่านจะระบุ Code “8101 No Work” จะไม่สามารถทำงานได้จนกว่าวันแรกของการเปิดเรียนซึ่งทางสถาบันจะแจ้งรายชื่อของนักเรียนเพื่อยืนยันการเริ่มเรียนไปยัง Immigration และหลังจากนั้นท่านจึงสามารถขออนุญาตทำงานได้โดยผ่านทางเวปไซต์ ของ Immigration ซึ่งหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่จาก Immigration ได้รับข้อมูลผ่านทางเวปไซต์แล้วทางเจ้าหน้าที่จะส่งอีเมล์แจ้งให้นำพาสปอร์ตไปติดวีซ่าหน้าใหม่โดยวีซ่าใหม่จะระบุ Code “8105 Work Limitation”

กฏของการทำงานพิเศษสำหรับวีซ่านักเรียน

  • สามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
  • สามารถทำงานได้เฉพาะนอกเวลาเรียนเท่านั้น
  • จะต้องมีวีซ่าทำงานอย่างถูกต้อง (Work Permit)

งานพิเศษต่างๆสำหรับนักเรียนไทยที่เป็นที่นิยม

1. งานร้านอาหารไทย

» จะเป็นงานยอดฮิตของนักเรียนไทยที่ภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยดี เพราะเวลาทำงานก็จะใช้ภาษาไทยกับเพื่อนร่วมงาน นอกจากว่าบางร้านอาจมีชาวต่างชาติทำงานด้วยก็จะมีโอกาศได้ใช้ภาษาอังกฤษบ้าง ร้านอาหารไทยโดยส่วนมากจะเปิดบริการสำหรับอาหารค่ำเริ่มตั้งแต่ประมาณ 5โมงเย็น จนถึงประมาณ 4ทุ่มหรือ 5ทุ่ม อัตราค่าจ้างจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และระดับภาษา หากยังไม่มีประสบการณ์คงต้องเริ่มจากการฝึกงานก่อน ซึ่งอาจต้องฝึกงานฟรีๆแบบไม่ได้ตังค์ หรือได้แค่ทิบ ดีกว่านั้นหน่อยอาจจะได้ $40(ต่อคืน) แต่พอมีประสบการณ์และเป็นงานบ้างแล้วก็จะได้รับอัตราจ้างอยู่ประมาณ $50(ต่อคืน) ขึ้นไป แบ่งหน้าที่โดยทั่วไปได้ประมาณนี้

  • ล้างจาน $40-70 ต่อคืน เป็นงานที่ไม่ค่อยได้ยุ่งกับใคร ไม่ต้องใช้ภาษา ใครๆก็สามารถทำได้ งานหนักเหมือนคนใช้แรงงาน เพราะร้านอาหารที่จะจ้างคนล้างจานมาล้างโดยเฉพาะ เท่ากับว่าร้านนั้นต้องมีลูกค้ามาก เน้นวันศุกร์เสาร์ นอกจากล้างจานอาจจะต้อง เทขยะ ขัดเตา ขัดหม้อ ล้างห้องน้ำ เด็ดใบโหระพา ทำความสะอาดครัว
  • เด็กเสริฟ อาชีพฮิตตามแบบฉบับเด็กนักเรียน 50-70เหรียญ
  • Kitchen hand หรือผู้ช่วยคนครัว ต้องมีความรักในงานในครัว

2. งานCleaner

» จะเป็นงานทำความสะอาด ซึ่งจะต้องสมัครงานกับบริษัทClean ที่ประมูลงานตามตึกต่างๆ ทางบริษัทจะส่งพนักงานของบริษัทไปประจำตามตึกต่างๆที่บริษัทประมูลได้ ลักษณะงานก็คือปัดฝุ่น ดูดฝุ่น เอาขยะไปทิ้ง เช็ดโต๊ะ หรือบางคนอาจได้ทำความสะอาดห้องน้ำ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมโดยจะมีผู้จัดการเป็นคนจัดงานให้ งานประเภทนี้โดยส่วนมากจะทำวันละ 3ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5วัน คือวันจันทร์ – ศุกร์ มีอัตราค่าจ้างเป็นชั่วโมง ประมาณ $15 ต่อชั่วโมง ในแต่ละปีบริษัทจะให้ลาหยุดได้โดยยังได้รับค่าจ้างเป็นปกติ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

3.งานอื่น ๆ

» ส่วนงานอื่นๆ เช่นงานที่ Fish Market งานขายอาหารทะเล งานขายของใน Food land งานขายของตามร้านค้าต่างๆ งาน private tutor แบบมีรับสอนเด็กตามบ้าน เค้าจะติดประกาศกันตามเสาไฟฟ้า หรือไม่ก็ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ แต่ถ้ามาเรียนโท ก็สมัครเป็น tutor ของมหาลัยได้ มีทั้งแบบสอนเป็นคลาส, คุมแลป และแบบตัวต่อตัว

» เว็บไซต์หางาน «

  • http://www.seek.com.au/
  • http://mycareer.com.au/
  • http://www.jobmap.com.au/

» ชีวิตในฤดูหนาว «

» อากาศในนครซิดนีย์ ช่วงฤดูหนาว (มิถุนายน – สิงหาคม) จะประมาณ 8-19 องศาเซลเซียส อาจจะหนาวมากสำหรับคนไทย เพราะว่าหนาวที่เมืองไทย จะไม่เหมือนที่ซิดนีย์ สังเกตเพื่อนๆ ฝรั่งออสซี่ ใช้ชีวิตกันอย่าง มีความสุข สนุกสนาน ในช่วงฤดูหนาว จึงเกิดคำถามขึ้นในใจของว่า “ทำไม เขามีความสุขกันจัง ส่วนตัวเราหนาวซะจนไม่ได้เป็นอันกินอันนอน” ขนาดนอน ยังนอนไม่หลับ เพราะความหนาวเย็น จึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร จึงออกไปเที่ยวตะลุยทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อดูว่าชีวิตคนในนครนี้ ในฤดูหนาวเวลาเขาออกนอกบ้าน เขาทำอะไรกัน บางทีเราอาจจะต้องทำตามจะได้ไม่หนาว

» ฤดูหนาวตอนกลางวัน ฝรั่งในนครนี้ เขาก็ใช้ชีวิตเหมือนฤดูร้อน แต่เปลี่ยนวิธีการแต่งตัว เสื้อกันหนาวหรือเสื้อผ้าฤดูหนาว ที่เก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าก็ถูกนำออกมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่มันถูกพับเก็บใส่ห่อพลาสติก หรือแขวนเอาไว้ในตู้เป็นเวลาเกือบปี เราก็จะได้เห็นสภาพของผู้คนในนครที่แตกต่างออกไป ร้านอาหารต่างๆ เขาก็ออกแบบให้สามารถปิดกระจกกันลมได้ หรือเปลี่ยนการจัดร้านสำหรับให้บริการในฤดูหนาวก็แปลกไปอีกแบบ

» ฤดูหนาวตอนกลางคืน ฝรั่งก็ใส่เสื้อวอร์ม เสื้อแจกเก็ต ไหมพรม ยีนส์ หรือเสื้อหนัง ใส่หมวกไหมพรม หรือผ้าพันคอเดินออกไป ทำภารกิจเหมือนกับว่า ความหนาวเย็นไม่ได้เป็นอุปสรรค์ใดๆ เลย

» วิธีต่อสู้กับความหนาวเย็น วิธีต่อสู้กับความหนาวเย็นวิธีหนึ่งคือ การออกกำลังกาย เรื่องการออกกำลังกาย และการกีฬา ในฤดูหนาวของนครนี้ก็เป็นไปตามปกติ สังเกตได้ว่าผู้คนออกกำลังกายกันมากขึ้น ตอนเช้าๆ ก็จะมีคนวิ่งออกกำลังกาย ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอาภรณ์อะไรมากมาย แค่เสื้อวอร์มหลวมๆ ตอนเริ่มวิ่ง แล้วพอวิ่งนานๆไปร่างกายก็อบอุ่น วิ่งเร็วๆ ก็เย็นสบาย เหงื่อไม่ออก สบายดี

» การว่ายน้ำ สระน้ำในนครซิดนีย์ จะเป็นสระน้ำปรับอุณหภูมิ ประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส ถ้าเป็นสระในร่ม อย่างเช่น Cook Philips Park (สระว่ายน้ำใจกลางนครซิดนีย์) อากาศในสถานออกกำลังกายก็จะอุ่นกว่าปกติด้วย เพราะได้ความร้อนจากน้ำในสระ และไม่มีลมข้างนอกพัดเข้ามา (เพราะเขาปิดประตูเอาไว้) แต่ถ้าเป็นสระ ANDREW (BOY) CHARLTON (ตั้งชื่อตามนักกีฬาโอลิมปิก) นั้นเป็นสระน้ำเค็ม กลางแจ้ง ถ้ามีลมพัดมาก็หนาวไม่น้อยเหมือนกัน ฉะนั้น ถ้าได้มาว่ายน้ำในฤดูหนาว พอลงสระก็ต้องว่ายตลอดเพราะเย็นสบาย แต่ถ้าหยุดเมื่อไรมันก็จะหนาว นักเรียนไทยส่วนใหญ่ไม่กล้าไปว่ายน้ำ เพราะกลัวความหนาว แต่ถ้าได้ว่ายน้ำ พอขึ้นจากสระจะรู้สึกว่าเมืองนี้ ไม่หนาวเลย

» การปั่นจักรยาน ก็เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับ เด็กนักเรียน และคนหนุ่มสาว เพราะจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและประหยัดค่าเดินทาง การปั่นจักรยานในช่วงฤดูหนาวนั้นจะทำให้รู้สึกเย็นอุ่นสบาย ไม่ต้องกลัวเหงื่อออก เพราะอากาศเย็นสบายดี ในฤดูหนาวที่นครซิดนีย์ก็จะจัดมหกรรมการวิ่งประจำปีด้วย

» เรามาดูวิธีการเทียบความหนาวเย็นระหว่างชาวออสเตรเลียกับชาวไทยกันดีกว่า «

  • อากาศเย็นสบาย แบบไม่ต้องใส่เสื้อหนาว ออสซี่เรียก Nice and cold คนไทยเรียก “หนาว” (เพราะไม่ชินพร้อมใส่เสื้อกันหนาว)
  • อากาศเย็น ออสซี่เรียก A bit cold คนไทยเรียก “หนาวจัง”
  • อากาศเย็นมาก ออสซี่เรียก Very Cold คนไทยเรียก “หนาวมาก”
  • อากาศเย็นมากๆ ออสซี่เรียก Bloody Cold คนไทยเรียก “หนาวมากๆ เลย”
  • อากาศเย็นสุดๆ ออสซี่เรียก Bloody Freezing คนไทยเรียกว่า “หนาวเข้ากระดูกเลย”

หมายเหตุ ตามจริงแล้วคนไทยไม่ได้เรียกความหนาวเย็นแบบสุภาพแบบที่กล่าวข้างต้นนะ ก็แล้วแต่จะประยุกต์ใช้

» การแต่งตัว «

» ก่อนออกจากบ้าน เราก็ต้องหา Jumper (แปลว่า เสื้อไหมพรม หรือเสื้อผ้าขนปุย แขนยาว อาจจะฟังเชย หรือว่า ฟังตลกๆ แต่ประเทศนี้เขาเรียกแบบนี้กัน) สามารถปกป้อง กับความหนาวเย็นเบื้องต้น อยู่บ้านก็ควรมีอีกตัวหนึ่ง เอาไว้ใส่นอน ส่วนกางเกงฝรั่งเขาใส่ Track pants กัน เจ้า Track pants ก็คือกางเกงวอร์ม ซึ่ง Jumper กับ Track pants เป็นของที่ใส่คู่กัน เหมือนเสื้อยืดกางเกงยีนส์เลย (คำว่า Track pants ก็คือ กางเกงที่ไว้ใส่ในลู่วิ่ง (Track) ในฤดูหนาวนั่นเอง) ถ้าสองอย่างนี้หยุดความหนาวเย็นไม่ได้ ก็ต้องหา Jacket (เสื้อคลุม เสื้อนอก หรือเสื้อกันหนาว ส่วนใหญ่จะมีกระดุม และซิป) มาใส่กัน แต่ถ้าไม่หายก็ต้องหาซื้อพวก Long John (ชุดชั้นในกันหนาว เป็นผ้านุ่มบางใส่ไว้เป็นชุดชั้นใน เหมือนเสื้อตราไก่หรือถุงน่อง (ผู้ชายก็ใส่ได้) แต่มันออกแบบมาพอดีตัว และถ้าเป็นกางเกงในมันก็จะมีขายาวกันหนาวได้ถึงหน้าแข้ง)

» แต่ถ้ายังไม่หายหนาว ก็คงจะต้องใช้อุปกรณ์หรือวิธีการอย่างอื่นช่วย วิธีแก้หนาวที่นักเรียนนิยมกันคือ วิ่งอยู่กับที่ให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นหรือเดินขึ้นเขา (ในเมืองนี้มันจะมีเขาขึ้นลงอยู่ทั่วไป)

» สุดยอดแห่งการเที่ยวกลางคืนตะลุยหนาวคือ จิบไวน์ (sip) เหล้า (Whisky) หรือ เบียร์ ในอาหารค่ำ (เป็นธรรมเนียมของฝรั่ง) ก็จะช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นไม่น้อย แต่ถ้าไม่หายหนาว แนะนำว่าให้ไปเที่ยว SKI TOUR ที่เมลเบิร์น พอกลับมานครซิดนีย์อีกครั้งจะรู้ว่านครนี้อบอุ่นยิ่งนัก

» ค่าครองชีพ «

» ออสเตรเลียเป็นประเทศทีค่าครองชีพไม่สูงจนเกินไป โดยทั่วไป นักศึกษาต่างชาติที่พำนักอยู่ในออสเตรเลีย จะใช้จ่ายประมาณสัปดาห์ละ 335 เหรียญออสเตรเลีย น้องแต่ละคนอาจจ่ายมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับหลักสูตร ที่เลือกเรียน สถานที่ที่เลือกอยู่ และวิถีชีวิตของตัวเอง ตารางข้างล่างเป็นการประมาณการค่าใช้จ่าย 1สัปดาห์

ค่าใช้จ่าย ซิดนีย์

» การเดินทางใน Sydney «

» การขนส่งสาธารณะ «

แผนที่ ซิดนีย์

» เป็นทียอมรับว่าระบบการขนส่งการจราจรในเมือง Sydney ค่อนข้างสะดวกสบายมีทางเลือกให้น้องๆ ให้หลายทางไม่ว่าจะไปเรียน หรือไปทำงานนอกตัวเมืองมีทั้งรถประจำทาง รถไฟ หรือเรือให้เลือกกันตามแต่สะดวก มีเวลากำหนดชัดเจนว่ารถไฟ รถประจำทาง หรือ เรือโดยสาร ออกกี่โมง ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าจะถึงที่หมายกี่โมงและใช้เวลาเดินทางกี่นาที

» รถไฟ «

Sydney Train

» เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกเพราะมีสถานีครอบคลุมทั่วเมือง ราคาตั๋วแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเราไป Zone ไหนและเลือกตั๋วแบใด อาทิ ตั๋ว One way, Return จะเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน การจำหน่ายตั๋ว สามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ หรือเครื่องยอดเหรียญ หากใครมีที่อยู่แล้วสามารถเช็คราคาตั๋วได้ที่นี่ http://www.cityrail.nsw.gov.au/fares/calculator.jsp

» รถประจำทาง «

Sydney Bus

» โดยมากเป็นรถประจำทางปรับอากาศมีต้นสายหลักอยู่ในเมือง หากจะนั่งข้าม Suburb ต้องมาต่อสายในเมืองหรือถ้าจะให้สะดวกในบางพื้นที่ควรเลือกขึ้นรถไฟ เพราะรวดเร็วกว่า การโดยสารรถประจำทางจึงเป็นในระยะ การเดินทางที่ไม่ไกลนัก หรือเดินทางใน Suburb นั้นๆจะสะดวกกว่า http://www.sydneybuses.nsw.gov.au/

» เรือโดยสาร «

Sydney Boat

» เดินทางไป Suburb ที่อยู่ติดริมน้ำจะสะดวกมาก ไม่ต้องติดสัญญาณไฟจราจร ท่าเรือหลักอยู่ที่ Circular Quay ในตัวเมือง Sydney ผู้ที่โดยสารเรือเป็นประจำสามารถหาซื้อตั๋วรายสัปดาห์ได้ http://www.sydneyferries.nsw.gov.au/

» รถราง (Trams) «

Sydney Tram

» วิ่งในระยะที่ไม่ยาวนัก ระยะทางของรถรางอยู่ในเขตแหล่งท่องเที่ยว จากย่านไชน่าทาวน์ ผ่าน Darling Harbour ไปทาง คาสิโน และ Fish Market http://www.metrolightrail.com.au/

» รถรางเดียว หรือ โมโนเรล «

sydney_skytrain-300x202

» ให้บริการในย่านตัวเมืองเท่านั้น มีสถานีหลักเพียง 8 สถานี รถออกทุกๆ 3-5 นาที สามารถซื้อตั๋วได้ที่ทุกสถานีของรถรางเดียว http://www.metromonorail.com.au/

» แทกซี่ «

Sydney Taxi

» เหมือนบ้านเราคือเป็น แทกซี่มิเตอร์ ขึ้นไปนั่งปุ๊ปเค้า จะกดราคาที่ AUD2 จากนั้นราคาก็ขึ้นไปตามระยะทางของมิเตอร์

» เดินทางใน Sydney อย่างฉลาด «

  • ระบบขนส่งมวลชน ในตัวเมือง Sydney ในรูปแบบ รถเมล์ รถไฟ และเรือเฟอรรี่ ถือว่าเป็นบริการที่สะดวกสบายและรวดเร็ว ทำให้ผู้ ที่จะไปศึกษาต่อหรือวางแผนการท่องเที่ยวที่เมือง Sydney สามารถวางแผนการ โดยมีค่าใช้จ่าย ที่สมเหตุสมผล
  • โดยทั่วไปแล้วระบบขนส่งมวลชน ในตัวเมือง Sydney นั้นถือว่าเป็นบริการที่สะดวกสบายและรวดเร็ว ในส่วนของการเดินทางที่ Sydney จะมีอยู่ 3 วิธีที่นิยมใช้ด้วยกัน คือทางรถเมล์ (Bus) รถไฟ (Train) และเรือเฟอรรี่ (Ferry) รถเมล์กับรถไฟ จะถือว่าเป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด นอกจากว่าบ้าน จะอยู่ใกล้ชายฝั่ง ก็คงจะต้องใช้บริการโดยเรือ       เฟอรรี่
  • ส่วนใหญ่การเดินทางโดยเรือเฟอรรี่ จะเน้นไปในแนวพักผ่อนหย่อนใจ กินลมชมวิว หรือไม่ก็ไปปิคนิค หรือเล่นน้ำตามชายหาด แต่ก็มีอีกหลายคนที่ต้องการข้ามฝั่ง จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเพื่อไปเรียนหรือทำงานเช่นกัน คล้ายๆ กับการข้ามฝั่งจากท่าเตียนไปยังท่าพระจันทร์ แต่ทัศนียภาพ และบรรยากาศนั้น ก็ไม่แพ้การนั่งเฟอรรี่แบบท่องเที่ยว
  • การข้ามฟากภายใน Harbour ที่เราเรียกว่า Sydney Harbour นั้น ราคาต่อครั้งจะเท่ากับ AU$4.30 ซึ่งถือว่าค่อนข้างแพง ถ้าต้องเดินทางทุกวัน ก็ขอแนะนำเป็นตั๋วสัปดาห์จะดีกว่า
  • กินลมชมวิวบนเรือเฟอรรี่เพื่อมุ่งไปยัง Manly ถือเป็น Beach ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่นเอเชีย การเดินทางโดยเรือเฟอรรี่แบบ Jet ใช้เวลาเพียง 20 นาทีจากตัวเมือง ถือว่ารวดเร็วกว่าการเดินทางโดยรถ ซึ่งต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมง แถมได้บรรยากาศที่ดีด้วย ตั๋วราคา $AU 6.70 สำหรับเที่ยวเดียว แนะนำว่าควรซื้อตั๋วแบบไปกลับ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ $AU 9-10
  • การนั่งเรือเฟอรรี่แบบสุดท้ายที่จะแนะนำ จะเป็นการท่องเที่ยวแบบหรูนิดๆ ลักษณะเรือจะแตกต่างกับแบบแรก ที่ภายนอกเรือจะหรูหรา ภายในดูมีระดับ ราคาตั๋วจะแตกต่างกันที่ $AU 12-30 ค่ะขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไป บางแบบจะมีบริการอาหารบนเรือ ซึ่งราคาก็จะมากขึ้นไปอีก
  1. ตั๋วแบบสัปดาห์ (Weekly) ตั๋วลักษณะแบบนี้จะดีที่จะสามารถใช้ได้ทั้งกับรถเมล์ รถไฟและเรือเฟอรรี่ (Travel Pass Red) ซึ่งตั๋วลักษณะนี้จะเหมาะกับผู้ ที่ต้องต่อรถบ่อยๆ หรือไปหลายๆที่ในหนึ่งวัน หรือว่าต่อรถไฟแล้วก็ต่อรถเมล์ด้วย เช่นว่าไปเรียนแล้วไปซื้อของ หรือไปสังสรรค์กับเพื่อนในวันเสาร์อาทิตย์ ตั๋วใบนี้ก็ถือว่าครอบคลุมเมือง Sydney พอสมควร ตั๋วจะราคา AUD$ 30 ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก สามารถขึ้นเรือเฟอรรี่ไป Beach หรือกินลมชมวิว จะใช้กี่ครั้งกี่ต่อก็ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ผลัดกันใช้กับเพื่อนก็ได้ ถ้าไม่ได้ไปด้วยกัน
  2. ตั๋วประหยัดที่ใช้ได้แค่รถเมล์และเรือ เป็นตั๋วอีกแบบที่จะประหยัดได้เช่นกัน ถ้าไม่คิดว่าจะใช้บริการรถไฟเลย เป็นตั๋ว Weekly ใช้ได้เฉพาะ รถเมล์และเฟอรรี่ จะราคา AUD$ 27 (Travel Pass Blue) ตั๋วแบบนี้จะประหยัดกว่าแบบแรก 3 เหรียญ

» ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทางโดยรถไฟ «

» ผู้ที่มีบ้านพักอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟจะถือว่าโชคดีมากๆ เนื่องจากจะได้ใช้บริการ โดยรถไฟซึ่งบริการโดยรถไฟ นั้นเป็นบริการที่ตรงเวลา สะดวกสบาย สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ตามเวลา

****ตั๋วรถไฟนั้น ก็จะเป็นลักษณะเดียวกับตั๋วรถเมล์ มีทั้งจ่ายเงินสดต่อครั้ง และแบบรายสัปดาห์ รายเดือน

» ใช้เงินให้คุ้มค่ากับการเดินทางโดยรถไฟ «

» สำหรับการเดินทางภายในวันเดียว พนักงานขายตั๋วรถไฟจะถามว่าไปเที่ยวเดียวหรือ ไปกลับ ถ้าซื้อตั๋วก่อน 9.00 เช้า เที่ยวเดียวหรือไปกลับ จะไม่ต่างกันมาก แต่ว่าถ้าซื้อตั๋วไปกลับในช่วงเวลาไม่เร่งด่วนคือหลัง 9.00 เป็นต้น จะประหยัดถึง 40 % ด้วยกัน อันนี้รวมถึงเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ ถ้าใช้ประจำ ก็จะแนะนำให้ซื้อ เป็นรายสัปดาห์เช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ได้จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง กี่เที่ยวก็ได้ ไม่จำกัด

» สถานที่ท่องเที่ยวใน Sydney «

» Sydney Opera House «

Opera House ซิดนีย์» Sydney Opera House «

» เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยเห็นสถาปัตยกรรมรูปทรงคล้ายหอยเชลล์มาบ้างแล้วจากทีวี ภาพยนตร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยว แวะเวียนมาแชะรูปถ่ายกันตลอดเวลา ไม่ขาดสายเลยค่ะและภายใน Sydney Opera House ก็จะประกอบไปด้วยส่วนของศาลาคอนเสิร์ต โรงละคร ภัตตาคาร และศูนย์วัฒนธรรม แห่งชาติของประเทศออสเตรเลียและยังเป็นจุดชมวิวชมวิวที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน และถ้าใครมาซิดนีย์แต่ไม่มาที่ Opera House ก็เท่ากับว่ามาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้

» Sydney Opera House ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ปลายแหลมของผืนดินที่ยื่นออกไปในทะเลเล็กน้อย โดยมีน้ำทะเลล้อมรอบอยู่ถึง 3 ด้าน Opera House มองดูเหมือนเรือ แม้ว่าแรงบันดาลใจของผู้ออกแบบจะมาจากการปอกเปลือกของผลส้มแมนดารินก็ตาม ต้องถือว่า Sydney Opera House เป็นสัญลักษณ์ของนครซิดนีย์เลยทีเดียว ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน Opera House แห่งนี้ถูกถ่ายรูปมาแล้วนับพันๆล้านครั้ง นอกจากความเลอเลิศของรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่จะสร้างความประทับใจให้ทุกคนที่มาเยือนจนอยากจะมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว

» Sydney Opera House มีประวัติคือ ก่อนที่จะมีการก่อสร้าง Sydney Opera House ขึ้น ซิดนีย์ไม่มีสถานที่ที่เหมาะสมเพียงพอในการเปิดแสดงดนตรีและการแสดงต่างๆ ชาวเมืองใช้ที่ว่าการของเมืองเป็นที่จัดแสดง แต่เวทีการแสดงก็ยังไม่มีความสมบูรณ์และเหมาะสมอยู่ดี เมื่อ Sir Eugene Goosens ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าวาทยากรของวงดุริยางค์ Sydney Symphony Orchestra และดำรงตำแหน่งกรรมการของ NSW Conservatorium of Music ในปี 1947 จึงได้มีแนวความคิดที่จะสร้างสถานที่จัดแสดงทางศิลปะแห่งใหม่ ซึ่งรวมถึงการแสดงคอนเสริต ดุริยางคศิลป์และโอเปร่า เข้าด้วยกันในที่ที่เดียว ซึ่งควีนอลิซาเบท ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด Sydney Opera House อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 ตุลาคม 1973 นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้มีการแสดงในปี 1973 Sydney Opera House มีการจัดการแสดงหลากหลายประเภทมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สรรค์สร้างความบันเทิงให้กับผู้คนนับล้านๆคนจากทั่วโลก และเป็นที่ที่ศิลปินที่มีชื่อเสียงต้องการได้รับโอกาสมาเปิดการแสดงอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต โดยเฉลี่ยแล้วในปีๆหนึ่งจะมีการแสดงทุกประเภทรวมกันประมาณ 3,000 รายการ และมีผู้ชมประมาณ 2 ล้านคน

» นอกจากนี้ Sydney Opera House ได้รับการคัดเลือกจาก การประชุม ยูเนสโกที่ประเทศนิวซีแลนด์ให้เป็นมรดกโลกแห่งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550 อีกด้วย

» Sydney Harbour Bridge «

Harbour Bridge ซิดนีย์

» Sydney Harbour Bridge «

» เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของ Sydney ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ที่นี่เขามีบริการ Climbing Bridge ซึ่งก็คือการไต่สะพาน Harbour นี้เอง ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวจะมาท้าทายความตื่นเต้น เพราะสะพานแห่งนี้สูงถึง 134 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (ถ้าใครอยากทดสอบความกล้าก็มาทดสอบได้ว่าคุณกล้าแค่ไหน) การปีนสะพานเหล็กแห่งนี้เป็นทางเลือกที่น่าลองทีเดียว สามารถซื้อตั๋วราคาไม่ถูกเลยได้ที่นี่ ก่อนจะเริ่มการปีนป่ายจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ออกแบบมาพิเศษเพื่อใช้ปีนสะพานนี้โดยเฉพาะ ชุดที่ว่านี้มีอุปกรณ์ป้องกันที่จะไม่ให้ตัวเราและชิ้นส่วนของเราไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามหลุดลงไปข้างล่างระหว่างที่การปีนป่ายกำลังดำนินไป แม้แต่คนที่สวมแว่นตาก็จะมีเครื่องยึดแว่นตาของคุณเอาไว้ไม่ให้หลุด ทุกคนในกลุ่มซึ่งประกอบด้วยคนประมาณ 12 คนจะถูกยึดติดกันด้วยสายเคเบิ้ลแข็งแรง เคยมีคนพูดให้ฟังว่า แม้แต่คนที่ต้องการฆ่าตัวตายก็ยังไม่มีทางทำได้เลย ปลอดภัยแค่ไหนก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน

» ก่อนที่จะเดินทางออกจากจุดเริ่มต้นจะมีเจ้าหน้าที่มาอธิบายทบทวนวิธีการปีนให้ปลอดภัย และเตรียมพร้อมต่อการปีนออกกำลังกายในที่สูง รวมถึงมาตรการที่จะทำให้ปลอดภัยมากที่สุดซึ่งคุณต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ระหว่างการปีนจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญติดตามไปกับกลุ่มอย่างใกล้ชิดด้วย เมื่อไปถึงจุดสูงสุดตรงยอดกลางของสะพานที่ความสูง 134 เมตรจากระดับอ่าวข้างล่าง คุณจะได้ถ่ายรูปที่มีบริการเพื่อเป็นที่ระลึกและนำมาอวดคนที่บ้านและเพื่อนๆที่ยังไม่มีโอกาสไป ก่อนที่จะค่อยๆปีนลงมายังอีกด้านหนึ่งของสะพาน การปีนสะพานใช้เวลาทั้งหมดราว 3 ชั่วโมงครึ่ง คนดังหลายคนที่เคยมาปีนสะพานแห่งนี้แล้วมีอาทิ เจ้าชาย แฮรี่ Matt Damon, Kylie Minoque, Cathy Freeman, Pat Rafter เป็นต้น

» สำหรับผู้ที่สุขภาพไม่พร้อมที่จะปีนป่ายขึ้นไปยังที่สูงชันดังกล่าว ยังสามารถเลือกได้ที่จะแต่งเติมประสบการณ์อีกแบบหนึ่งด้วยการลองเดินข้ามสะพานโดยใช้ทางเดินที่จัดเอาไว้จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของสะพาน สะพานแห่งนี้ผ่านยุคสมัยการสัญจรของผู้คนมาหลายทศวรรษ มนต์เสน่ห์เก่าๆยังมีอยู่ต็มเปี่ยม ยามเมื่อคุณได้เดินทอดน่องบนสะพานชมทัศนียภาพของเมือง เมื่อมองจากทางเดินบนสะพานคุณจะเห็นวิวของซิดนีย์ในมุมมองที่แปลกออกไป ครั้นเมื่อทอดสายตาชมอ่าว เรือยอร์ชและเรือเฟอรี่ที่วิ่งขวักไขว่ในบริเวณอ่าว ฟองและยอดเกลียวคลื่นเล็กๆบนผิวน้ำเมื่อเรือแต่ละลำแทรกกายพุ่งไปข้างหน้า แต่งแต้มให้ผืนน้ำและท้องฟ้าของอ่าวตระการตาจนยากที่จะละสายตาจากไป เพราะที่นี่จะอยู่ใกล้กับ Sydney Opera House ใกล้แค่เอื้อม

» สะพาน Harbor Bridge เป็นสะพานที่กว้างที่สุดในโลก (แต่ไม่ยาวที่สุด) เป็นสัญลักษณ์อีกอันหนึ่งของ ออสเตรเลีย โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 8 ปี มีความสูง 134 เมตรจากระดับน้ำทะเล สร้างจากเหล็กจำนวน 52,000 ตัน ใช้สีทาสะพาน 272,000 ลิตร และมีคนจำนวน 1,400 คนที่มีส่วนในการก่อสร้างสะพานแห่งนี้ และSydney Harbour Bridge เพิ่งจะฉลองครบรอบ 75 ปี Sydney Harbour Bridge ในวันที่ 18 มีนาคม 2007 ที่ผ่านมา

» Royal Botanic Gardens «

Royal Botanic Gardens ซิดนีย์

» Royal Botanic Gardens «

» สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้หลากฤดูบนพื้นที่กว้างใหญ่ รอบๆสวนสวยมีถนนคอนกรีตไม่กว้างมากนักล้อมรอบ แต่สะดวกสะบายตลอดปีสำหรับคนซิดนีย์ที่ต้องการมาพักผ่อนหรือแม้แต่ผู้รักการเดินเล่นหรือการวิ่งออกกำลังกาย ส่วนหนึ่งของสวนเป็นโซนที่จัดเป็นสวนในแบบของจีน ญี่ปุ่น และสวนยุโรปดั้งเดิม รวมถึงสวนสมุนไพรที่มีปฏิมากรรม The Sundial ตั้งเด่นอวดความสวยอยู่ที่นั่น ตรงกลางของสวนโซนล่างเป็นที่ตั้งของสระน้ำขนาดใหญ่ น้ำพุที่มีน้ำใสเย็นพรวยพลุ่งขึ้นมาสร้างสีสันตัดกับสีเขียวสดของผืนหญ้าที่มีเหล่านกหลากหลายขนาดเดินนวยนาดอวดโฉมให้เราได้ชม ทำให้ผู้คนที่ผ่านมารู้สึกผ่อนคลาย โดยมีจุดชมวิวที่สำคัญ คือ บริเวณ Mrs. Macquarie’s Chair นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศจะชอบมาถ่ายรูปกันมาก เพราะเป็นสวนที่สุดระดับต้น ๆ ของโลก

» The Rocks «

The Rocks ซิดนีย์

» The Rocks «

» เป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์เย้ายวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสกลิ่นอายของวันวานของซิดนีย์ The Rocks เป็นสถานที่ที่กองเรือกองแรกของอังกฤษพาผู้คนชุดแรกจำนวน 1,030 คนเข้ามาถึงซิดนีย์ เมื่อเดือนมกราคม ปี 1788 ในจำนวนนี้มีนักโทษชาย 500 คน นักโทษหญิง 200 คน และเด็กอีก 13 คน พวกเขาได้ทำการบุกเบิกหักร้างถางพง สร้างร้านค้า โรงพยาบาล บ้านเรือนและค่ายทหารขึ้นมา จากนั้นได้มีการปรับปรุงสร้างบ้านแปลงเมืองมาเรื่อยๆตราบเท่าทุกวันนี้

» มีกิจกรรมที่น่าสนใจที่ The Rocks เสมอ ในช่วงหน้าหนาวมีงาน Aroma Coffee Festival การแสดงดนตรีกลางแจ้งมีในทุกคืนวันศุกร์ตลอดเดือน พฤศจิกายน และในเดือนมกราคม ช่วงงานวันชาติ Australian Day มีการแสดง Country Rock ให้ดูอย่างเต็มอิ่ม

» หากคุณชื่นชอบบรรยากาศของผับที่ยังคงบรรยากาศเก่าๆ ค่ำนี้ลองแวะเยี่ยมที่ผับเก่าแก่ที่สุดของซิดนีย์ หนึ่งใน 13 แห่งที่ยังคงเปิดดำเนินการจนถึงปัจจุบัน ดื่มเบียร์ออสซี่รสชาดดั้งเดิมที่มีไว้รับรองแขกผู้มาเยือนพร้อมๆกับฟังเรื่องราวของผู้คนซึ่งเคยเป็นตำนานของที่แห่งนั้น ที่ Lord Nelson Brewery Hotel และที่ The Hero of Waterloo ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว

» หากคุณจะทานอาหารพร้อมกับดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่ยากจะมีที่ไหนในซิดนีย์เสมอเหมือนหรือเปรียบเทียบให้ใกล้เคียงได้ ลองแวะเข้าไปที่ Waterfront Restaurant หรือที่ Imperial Peking Harbor side ใน Campbell’s Storehouse ตลอดทั่วทั้งบริเวณของที่นี่มีอาหารรสเลิศไว้ให้คุณได้ลองลิ้มรส ทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียน อาหารจีน ฝรั่งเศส เยอรมัน

» สวนสัตว์ตารองก้า ( Taronga Park Zoo ) «

Taronga Park Zoo ซิดนีย์

» Taronga Park Zoo «

» ถือได้ว่าเป็นสวนสัตว์ที่อยู่ในทำเลที่สวยที่สุดในโลก ด้วยอยู่ในภูมิประเทศติดทะเลสามารถมองข้ามตรงไปยังอ่าวซิดนีย์แสนสวยได้ตลอดเวลา สัตว์แห่งนี้มีสัตว์มากกว่า 5,000 ชนิด และยัง มีป่าฝนจำลอง (Wild Asia) เป็นที่อยู่ของสัตว์เขตร้อน เช่น สิงโต ช้าง เป็นต้น

» เนื่องจากสวนสัตว์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นบนภูเขาทั้งลูก การเดินชมสวนสัตว์อาจทำได้ 2 อย่างคือเดินขึ้นหรือเดินลงเขา คนส่วนมากเลือกเดินลงเขา ดังนั้นทางสวนสัตว์จึงจัดรถบัสไว้บริการพานักท่องเที่ยวที่มาถึงท่าเรือขึ้นมาตั้งต้นการทัวร์ตรงยอดเขา แต่การเดินทางขึ้นเขาก็ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจคือ ทางสวนสัตว์จัดกระเช้าลอยฟ้า (Cable Car) ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นเขาผสมกับการเที่ยวในส่วนของซาฟารีด้วย คุณจะได้ล่องลอยข้ามยอดไม้ในป่าจำลองดูสัตว์ต่างชนิดในมุมพาโนรามาให้เต็มอื่ม รวมถึงทิวทัศน์ที่สวยงามของอ่าวซิดนีย์อีกด้วย

» Blue Mountains «

Blue Mountains ซิดนีย์

» Blue Mountains «

» เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ไปทางใต้ราว 2 ชั่วโมงด้วยการขับรถในความเร็วปกติ การเดินทางมาชมเสน่ห์ของขุนเขาแห่งนี้สามารถทำได้หลายวิธี เช่นอาจจะใช้บริการรถไฟที่จะมีขบวนรถออกจาก เซ็นทรัลสเตชั่นทุกๆชั่วโมง และในอีก 2 ชั่วโมงต่อมาเมื่อถึงสถานี คาทุมบา (Katoomba Station) ก็มาต่อด้วย Explorer Bus ซึ่งให้บริการออกจากสถานีรถไฟคาทุมบาทุกๆชั่วโมงเช่นกัน เริ่มจากเวลา 9.30 น. จนถึงเวลา 16.30 น. การซื้อตั๋วแบบรวมทั้งรถไฟและรถบัสก็มีให้เลือกในราคาน่าสนใจทีเดียว

» Blue Mountains เป็นดินแดนที่สร้างสรรค์จากผลงานตามธรรมชาติ มีเทือกเขามากมายที่ให้เราชม เทือกเขาที่เด่นสุดของที่นี่คือ เทือกเขา ทรี ซีสเตอร์ ร็อกส์ (Three Sister Rocks) หรือเรียกกันว่า เขาสามอนงค์ โดยเทือกเขานี้จะมีภูเขาทั้ง 3 ลูกเรียงกัน ที่นี่เหมาะแห่งการชมพระอาทิตย์ตกดิน เพราะจะสวยเป็นพิเศษเหมาะแห่งการถ่ายรูป (อย่าลืมเอากล้องไปด้วยนะเดี๋ยวหาว่าไม่บอก)

» ตำนานของ The Three Sisters «

» The Three Sisters ยอดเขาสามยอด หรือสามใบเถา แห่งเทือกเขาบลูเมาร์เท่น นับว่าเป็นจุดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ มีตำนานของชาวพื้นเมืองเล่าขานกันมาว่า

» กาลครั้งหนึ่ง ณ เทือกเขาแห่งนี้ เป็นที่อยู่ของชายคนหนึ่งชื่อ ทยาวัน (Tyawan) เขามีลูกสาวสวยอยู่ 3 คนคือ มีนนี (Menhi) วิมาลา (Weemalah) และกันนีดู (Gunnedoo) ทยาวันมีกระดูกวิเศษอยู่ชิ้นหนึ่งซึ่งทำให้เขาสามารถแปลงร่างเป็นนกไลเออเบิร์ด (Lyrebird)ได้ ทุกครั้งที่เขาออกไปล่าสัตว์ ทยาวันจะสั่งลูกสาวทั้งสามให้ไปอยู่บนหน้าผาสูงและห้ามไม่ให้ไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา ทั้งนี้เพื่อให้ปลอดภัยจาก “บันยิบ” วิญญาณที่ทรงอำนาจซึ่งอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกเบื้องล่าง

» วันหนึ่งสาวน้อย มีนนี เกิดเอาหินไปเคาะที่หน้าผา เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินเคลื่อน ปลุกวิญญาณของบันยิบขึ้นมา และเมื่อบันยิบมองเห็นเด็กสาวทั้งสามเกาะกันอยู่บนหน้าผา จึงขึ้นไปหา ทยาวัน พ่อของเด็กสาวทราบเรื่อง แต่ไม่สามารถเดินทางไปช่วยลูกได้ทัน จึงเลือกวิธีเสกให้ลูกสาวกลายเป็นหินไปพลางๆก่อน บันยิบจึงหันมาเล่นงานพ่อแทน ทยาวันแปลงร่างเป็นสัตว์ต่างๆเพื่อไม่ให้บันยิบตามหาพบ ท้ายสุดเขาแปลงร่างเป็นนกไลเออเบิร์ด โดยใช้กระดูกวิเศษที่มีอยู่ แต่ในขณะที่มือของทยาวันกลับกลายเป็นปีกนกนั่นเอง กระดูกวิเศษได้หลุดลอยออกจากมือของเขาไป

» บันยิบเลิกตามหาทยาวันและกลับไปยังที่พักของมันตามเดิม แต่อนิจจา ทยาวันยังคงเป็นนกไลเออเบิร์ดที่บินวนเวียนอยู่ในหุบเขาอยู่นั่นเอง และลูกสาวทั้งสามก็ยังคงเป็นหินอยู่ตามเดิม จนกว่าทยาวันจะหากระดูกวิเศษพบและแปลงร่างกลับกลายมาเป็นคน จึงจะคลายมนต์ให้ลูกสาวทั้งสามกลับกลายมาเป็นมนุษย์เช่นเดิมได้

» พิธิภัณฑ์สัตว์น้ำ Sydney Aquarium «

Sydney Aquarium ซิดนีย์

» Sydney Aquarium «

» เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ถ้าเราเข้าไปแล้วเราเสมือนเข้าอยู่บนโลกใต้ท้องทะเล เพราะข้างในนี้จะมีปลามากมายหลายชนิดที่สวยงาม และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราเห็น โดยที่นี่จะมีจุดที่น่าสนใจ คือ แนวปะการังคอมเพล็กซ์ที่จำลองมาจากเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) จะเป็นการจำลองโลกใต้ท้องทะเลและเราจะเห็นแนวปะการังและเราสามารถลองสัมผัสปลาดาว และปลาตัวเล็กตัวน้อยได้ โดยที่นี่ (Sydney Aquarium) จะตั้งอยู่ตรงข้ามกับฮาร์เบอร์ไซด์ เฟสติวัลมาร์เก็ตเพลส ถ้าใครสนใจโลกใต้ท้องทะเลมาชมกันได้ทุกเมื่อเพราะที่นี่จะเปิดให้ชมทุกวัน เวลา 09.30 – 21.30 น.

» Bondi Beach «

Bondi Beach ซิดนีย์

» Bondi Beach «

» เป็นหาดที่นิยมมากที่สุดในซิดนีย์ ซึ่งหาดแห่งนี้เป็นหาดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก โดยสามารถนั่งรถไฟ แล้วต่อรถเมล์ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที เป็นหาดที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น เพราะที่นี่จะมีคนเล่น Surf Board เป็นจำนวนมาก และยังเป็นที่ที่เหมาะแห่งการอาบแดด และพักผ่อนหย่อนใจ ด้านหน้า Beach ก็มีร้านอาหารมากมายหลากหลายชนิดที่มีเลือกชิม เวลาหิว และที่นี่ยังมีอาหารไทย ถ้าหากคุณคิดถึงรสชาติแบบไทย ๆ ที่นี่ก็มีให้ทาน

» สวนสัตว์ KOALA PARK SANCTUARY «

KOALA PARK SANCTUARY ซิดนีย์

» KOALA PARK SANCTUARY «

» เราจะนำท่านเดินทางสู่สวนสัตว์พื้นเมือง KOALA PARK SANCTUARY เพลิดเพลินไปกับการชมชีวิตธรรมชาติและความน่ารักของเหล่าสัตว์พื้นเมืองนานาชนิด อาทิ หมีโคอาล่า จิงโจ้ วอมแบท ฯลฯ โดยที่นี่สัตว์ที่เด่นที่สุดคงจะเป็นเจ้าหมีโคอาล่าดูจากรูปข้างล่างมันคงเหนื่อยจากการโชว์ตัวเลยขอหลับหน่อย ขนาดมันหลับยังน่ารักขนาดนี้นะเนี้ย ถ้าทุกท่านเข้ามาที่นี่โปรดมาชมความน่ารักของมันด้วยนะ และที่นี่ยังมีการโชว์พิเศษ คือ การตัดขนแกะ ซึ่งการโชว์นี้จะเป็นที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างพวกเรา

» Hyde Park «

Hyde Park ซิดนีย์

» Hyde Park «

» พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่สำหรับรองรับกิจกรรม นันทนาการหลากหลายประเภท พาร์คแห่งนี้เกิดจากดำริของผู้ว่าการรัฐ ท่านGovernor Phillip เพื่อให้เป็นสถานที่ชาวเมืองสามารถออกมาพักผ่อน ชมการแข่งคริกเก็ต (Cricket) การแข่งขันม้าแข่งในสนามแข่งยาว 2 กิโลเมตร และการแสดงอื่นๆที่มีขึ้นที่นี่ เคยใช้เป็นสถานที่ออกกำลังของกองทัพออสเตรเลียในสมัยหนึ่ง

» Featherdale Wildlife Park «

Featherdale Wildlife Park ซิดนีย์

» Featherdale Wildlife Park «

» ที่นี่เป็นสวนสัตว์อีกที่หนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวทั้งหลายให้ความสนใจไม่แพ้ สวนสัตว์ KOALA PARK เพราะที่นี่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากกว่าสวนสัตว์ KOALA PARK และที่นี่เราสามารถดูการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าได้ และที่นี่ยังมีของที่ระลึกที่สวยงามมันอาจเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในอนาคตได้ (คำเตือน เวลาไปเที่ยวอย่าเอาถุงพลาสติกทิ้งลงพื้นนะเดี๋ยวสัตว์มันจะเข้าใจผิดและกินขึ้นมาและมันจะเป็นอันตรายกับมันด้วย)

» Jenolan Caves «

Jenolan Caves ซิดนีย์

» เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยจะมีไกด์ท้องถิ่นคอยบรรยายประวัติความเป็นมาของถ้ำ ซึ่งภายในภูเขาลูกใหญ่ที่มีชื่อว่า Jenolan Caves มีถ้ำเล็กถ้ำใหญ่อยู่หลายถ้ำ ภายในไม่มีกลิ่นอับเลย อาจจะเป็นเพราะเพดานของแต่ละถ้ำค่อนข้างสูง โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี เดินกันเข้าไปกลุ่มละ 60 คนได้ ไม่รู้สึกอึดอัด ส่วนทางเดินที่ทำไว้ ก็ช่วยให้นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเดินไปได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปสะดุดก้อนหินตามพื้นถ้ำ ตรงไหนที่มีน้ำหยดก็มีราวเหล็กให้ยึดเกาะ อาคารที่ทำการของอุทยานจะมีบริการข้อมูลการเที่ยวถ้ำ และมีที่พักให้เลือกหลายแบบทั้งกระท่อมแบบ Log Cabin ที่ตั้งแค้มป์ และโรงแรมมีดาว ร้านอาหาร

Museum of Contemporary Art (พิธิภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย)

Museum of Contemporary Art ซิดนีย์

» Museum of Contemporary Art «

» ที่นี่มีศิลปะร่วมสมัยหลาย ๆ รุ่นที่น่าสนใจแสดงอยู่จำนวนมาก โดยจะมีผลงานระดับโลกหลายชนิดโดยถ้าคุณคนหนึ่งเป็นคนชอบศิลปะต้องมาชมให้ได้ และที่นี่ยังมีร้านกาแฟที่แสนอร่อยอยู่บนเทอเรซ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม ถ้าคุณมีเวลาคุณสามารถจิบกาแฟไปพรางชมวิวไปพรางได้ โดยที่นี่จะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ Visitors Information ในย่าน The rocks

» Hunter Valley «

Hunter Valley ซิดนีย์

» ใครที่ชืนชอบทานไวน์ควรมาที่ ฮันเตอร์ วัลเลย์ (Hunter Valley) เพราะที่นี่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์องุ่น เกรด A ของโลก พันธุ์องุ่นที่มีชื่อเสียงของที่นี่ คือ Pokolbin และ Cessnock ควรมาในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม เพราะเป็นฤดูเก็บองุ่นโดยที่นี่จะห่างจากซิดนีย์มาทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถซื้อกับไปกินที่บ้านได้เพราะไวน์ที่นี่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

» Sydney Olympic Park «

Sydney Olympic Park ซิดนีย์

» Sydney Olympic Park «

» เป็นสนามที่ซิดนีย์ได้เป็นเจ้าภาพในปี ค.ศ. 2000 โดยสนามแห่งนี้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ออกไปราวครึ่งชั่วโมง และสนามแห่งนี้จะมีเนื้อที่ 425 เฮกเตอร์ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ถึงจะหมดเทศกาลโอลิมปิกไปแต่ก็ได้รับความนิยมมากเพราะถือเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการแข่งขันโอลิมปิก

» Fox Studios «

Fox Studios ซิดนีย์

» เป็นโรงถ่ายภาพยนต์ได้เปิดให้คนที่สนใจเบื้องหลังให้เข้าชมการถ่ายทำภาพยนต์ ภาพยนต์บางเรื่องก็ได้ให้ผู้ที่เข้าชมมีส่วนรวมเสมือนอยู่ในฉากนั้น ๆ อีกด้วย เช่นเรื่องซิมป์สัน เป็นต้น

» ห้างเดวิดโจนส์ Queen Victoria Building «

Queen Victoria Building ซิดนีย์

» ถ้าอยากได้ของที่ระลึกสวยๆเราแนะนำมาที่ตึก Queen Victoria Building (QVB) เป็นห้างสรรพสินค้าระดับหรู และได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยว ที่ไปเยือนในซิดนีย์ ที่ QVB มีของให้คุณเลือกซื้อมากมายเช่น ผลิตภัณฑ์ ของพื้นเมือง เสื้อผ้านแบรนด์เนม ครีมทาผิวผลิตจากไขมันแกะ และของที่ระลึกต่าง ๆ

» เรื่องน่ารู้ «

  1. ซิดนีย์ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดในปี 1996 โดยTravel & Leisure World’s Best Awards เป็นเมืองที่มีทุกอย่างที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ทะเล แหล่งบันเทิงและสถานที่ช้อปปิ้ง รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
  2. Sydney Opera House มีประวัติคือ ก่อนที่จะมีการก่อสร้าง Sydney Opera House ขึ้น ซิดนีย์ไม่มีสถานที่ที่เหมาะสมเพียงพอในการเปิดแสดงดนตรีและการแสดงต่างๆ ชาวเมืองใช้ที่ว่าการของเมืองเป็นที่จัดแสดง แต่เวทีการแสดงก็ยังไม่มีความสมบูรณ์และเหมาะสมอยู่ดี เมื่อ Sir Eugene Goosens ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าวาทยากรของวงดุริยางค์ Sydney Symphony Orchestra และดำรงตำแหน่งกรรมการของ NSW Conservatorium of Music ในปี 1947 จึงได้มีแนวความคิดที่จะสร้างสถานที่จัดแสดงทางศิลปะแห่งใหม่ ซึ่งรวมถึงการแสดงคอนเสริต ดุริยางคศิลป์และโอเปร่า เข้าด้วยกันในที่ที่เดียว ซึ่งควีนอลิซาเบท ที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด Sydney Opera House อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 ตุลาคม 1973 นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้มีการแสดงในปี 1973 Sydney Opera House มีการจัดการแสดงหลากหลายประเภทมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สรรค์สร้างความบันเทิงให้กับผู้คนนับล้านๆคนจากทั่วโลก และเป็นที่ที่ศิลปินที่มีชื่อเสียงต้องการได้รับโอกาสมาเปิดการแสดงอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต โดยเฉลี่ยแล้วในปีๆหนึ่งจะมีการแสดงทุกประเภทรวมกันประมาณ 3,000 รายการ และมีผู้ชมประมาณ 2 ล้านคน
  3. Sydney Opera House ได้รับการคัดเลือกจาก การประชุม ยูเนสโกที่ประเทศนิวซีแลนด์ให้เป็นมรดกโลกแห่งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2550
  4. สะพาน Harbor Bridge เป็นสะพานที่กว้างที่สุดในโลก (แต่ไม่ยาวที่สุด) เป็นสัญลักษณ์อีกอันหนึ่งของ ออสเตรเลีย โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 8 ปี มีความสูง 134 เมตรจากระดับน้ำทะเล สร้างจากเหล็กจำนวน 52,000 ตัน ใช้สีทาสะพาน 272,000 ลิตร และมีคนจำนวน 1,400 คนที่มีส่วนในการก่อสร้างสะพานแห่งนี้
  5. Sydney Harbour Bridge เพิ่งจะฉลองครบรอบ 75 ปี Sydney Harbour Bridge ในวันที่ 18 มีนาคม 2007 ที่ผ่านมา

» Shopping «

» ซิดนี่ย์เป็นแหล่งซื้อของหลากหลาย ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และตลาด สำหรับความต้องการและความชอบของท่าน ร้านค้าแหล่งช็อปปิ้งจะเปิดเป็นเวลา ดังนี้

  • วันจันทร์ – เสาร์ 9.00 – 17.30 น.
  • วันพฤหัสบดี 9.00 – 21.00 น.
  • วันอาทิตย์ 10.00 – 16.00 น.

» แหล่งช็อปปิ้งในเมืองซิดนีย์ «

» Galleries Victoria «

Galleries Victoria ซิดนีย์

» เป็นบูติกดีพาร์ตเมนต์สโตร์ที่มีลานอเนกประสงค์ อยู่ตรงกลาง ร้านค้าขายสินค้าหรูหราทันสมัยมีร้านหนังสือ Kinokuniya ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

» Strand Arcade «

Strand Arcade ซิดนีย์

» ศูนย์การค้านี้ให้บรรยากาศของความหรูหรา เดินช้อปแถวนี้แล้วจะรู้สึกเหมือนชมการแสดง แฟชั่นของดีไซเนอร์ชาวออสซี่เพราะเป็นศูนย์รวมร้านเสื้อผ้าดีไซเนอร์ชาวออสซี่

» Habourside Shopping Center «

Habourside Shopping Center Sydney

»ฮาร์เบอร์ไซต์ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์เป็นช้อปปิ้งริมน้ำ ที่ดาร์ลิงฮาร์ลิงฮาร์เบอร์ แถวนี้มีทั้งร้านค้าร้านอาหารเรียงรายอยู่เต็มไปหมดและเป็นศูนย์รวมสินค้า ประเภทผลงานศิลปะของชาวอะบอริจินส์

» No.1 Maritn Place «

No.1 Maritn Place Sydney

» อาคารศูนย์การค้าเป็นอาคารเก่าแก่จุดเด่นของตึกนี้คือ หอนาฬิกา ภายในศูนย์การค้าเต็มไปด้วยร้านค้าที่หรูหรา ภัตตาคาร ร้านอาหาร และคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างมีรสนิยม

» Chinatown «

Chinatown Sydney

» ไชน่าทาวน์เป็นแหล่งรวมร้านอาหารจีนและอาหารเอเชียนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้า ตลาดสด และร้านขายของที่ระลึกต่าง

» The Queen Vivtoria Building «

The Queen Vivtoria Building Sydney

» Skygarden «

Skygarden Sydney

David Jones Department Store

David Jones Department Store Sydney

Grace Bros. Department Store

Grace Bros. Department Store Sydney

» Centrepoint «

Centre Point Sydney 

» MLC Centre «

MLC Centre Sydney

» Pitt Street Mall «

Pitt Street Mall Sydney

» Paddy’s Market «

Paddy's Market Sydney

» The Rocks Market «

The Rocks Market Sydney

» Paddington Market «

sydney_paddington-market

» Glebe Market «

sydney_glebe-market

» Bondi Market «

sydney_bondi-market

» Balmain Market «

sydney_balmain-market

» Opera House Market «

sydney_operahouse (1)

» Bondi Junction Market «

sydney_bondi-junction-market

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : australia.com
เพจแนะนำ : เรียนภาษาที่ซิดนีย์