ระบบการศึกษา ของ ฝรั่งเศส สำหรับผู้ที่สนใจ ศึกษาต่อประเทศฝรั่งเศส
ระบบการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสเป็นระบบที่แตกต่างจากระบบการศึกษาของไทย และประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยมากกว่า ทั้งนี้เนื่องจากชาวฝรั่งเศสให้ความสำคัญต่อคติประจำชาติที่ว่า “เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ” เป็นอย่างยิ่ง คติพจน์ดังกล่าวมีอิทธิพลต่อวิถีการดำเนินชีวิตของชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก รวมถึงด้านการศึกษาซึ่งชาวฝรั่งเศสถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากความเคารพในด้านเสรีภาพ และความเสมอภาค
การให้การศึกษาโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียนเป็นการป้องกันและรักษาไว้ซึ่งสิทธิและโอกาสของแต่ละบุคคลในเรื่องความเสมอภาคกันทางการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่สาธารณรัฐมอบให้แก่ทุกคนที่อยู่ในฝรั่งเศส ระบบการให้ทุนการศึกษาจะทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันทางด้านโอกาสทางการศึกษา ขอแต่เพียงเขาเหล่านั้นมีสติปัญญาที่ดีเขาก็จะได้รับโอกาสในการศึกษาเท่าเทียมกับคนอื่น ๆ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ ผิวพรรณหรือฐานะทางสังคมแต่อย่างใด อีกประการหนึ่ง โดยที่เล็งเห็นว่าการศึกษาจะนำไปสู่การมีความคิดสร้างสรรค์ และการใช้ความคิดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสรีภาพทางความคิด ด้งนั้นชาวฝรั่งเศสจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับโรงเรียนมาโดยตลอด และมอบหมายให้โรงเรียนเป็นสถานที่ที่จะสร้างและรักษาไว้ ซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้โอกาสกับเด็กที่บิดามาดาเป็นชาวต่างชาติและพักอาศัยอยู่ฝรั่งเศสได้รับการผสมผสานความเป็นฝรั่งเศสไว้ในตัว
การศึกษาก่อนวัยเรียน 2 – 5 ขวบ
ไม่เป็นการศึกษาภาคบังคับ แต่ถือเป็นประเพณีปฏิบัติอันยาวนานของฝรั่งเศส ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กที่อายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เข้าโรงเรียนถึง 99% ของจำนวนเด็กทั้งหมด โรงเรียนอนุบาลของรัฐเป็นบริการฟรี แต่ในโรงเรียนเอกชนผู้ปกครองต้องเสียค่าเล่าเรียนเอง โดยทั่วไปโรงเรียนอนุบาลแยกออกเป็น 3 ชั้นเรียน คือ ชั้นเล็ก (Petite Section) ชั้นกลาง (Moyenne Section) และชั้นสูง (Grande Section)
การศึกษาระดับประถมศึกษา 6 – 10 ขวบ (Primary School)
เป็นการบริการฟรีและเป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กฝรั่งเศสและเด็กต่างชาติในฝรั่งเศส โรงเรียนระดับประถม ประกอบด้วย 5 ชั้น คือ ชั้นเตรียมประถมศึกษา Classe Prèparatoire (CP) ชั้นประถมศึกษาตอนต้นปีที่ 1 Cours Elémentaire 1 (CE1) ชั้นประถมศึกษาตอนต้นปีที่ 2 Cours Elèmentaire 2 (CE2) ชั้นประถมศึกษาตอนปลายปีที่ 1 Cours Moyen 1 (CM1) และชั้นประถมศึกษาตอนปลายปีที่ 2 Cours Moyen 2 (CM2)
การศึกษาระดับมัธยมศึกษา 11 – 18 ปี (Secondary School)
ยังคงเป็นการบริการฟรีและส่วนหนึ่งยังคงเป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กฝรั่งเศสและเด็กต่างชาติในฝรั่งเศส แยกออกเป็น 2 ระดับ คือ
มัธยมต้น (11 – 14 ปี)
เป็นการศึกษาระบบเดียวกันทั้งหมด สถานศึกษาเรียกว่า “Collège” รับเด็กทุกคนที่สำเร็จจากชั้นประถมศึกษา ประกอบด้วย 4 ชั้น ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Sixième) จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (Troisième) เป็นการเรียนการสอนทั่วไปในวิชาการสายสามัญ โดยยังไม่แยกออกเป็นวิชาเฉพาะด้าน
มัธยมปลาย (15 – 17 ปี)
สถานศึกษาเรียกว่า “Lycée” ภายหลังสำเร็จการศึกษา จะได้รับประกาศนียบัตรตามสาขาวิชาที่เลือกศึกษา ซึ่งเริ่มแยกการศึกษาออกเป็น 2 ระบบ คือ
-
โรงเรียนมัธยมศึกษาสายสามัญและทางเทคโนโลยี (Lycée d’enseignement général et technologique) ใช้ระยะเวลาศึกษา 3 ปี คือชั้นปีที่ 2 (Seconde) ชั้นปีที่ 1 (Première) และชั้นปลาย (Terminale) เพื่อเตรียมสอบรับประกาศนียบัตรสายสามัญ (Baccalauréat général) หรือประกาศนียบัตรสายเทคโนโลยี (Baccalauréat technologique) หรือประกาศนียบัตรสายช่างเทคนิค (Brevet de technicien)
- โรงเรียนมัธยมศึกษาสายวิชาชีพ (Lycée Professionnel) เพื่อเตรียมสอบรับประกาศนียบัตรวิชาชีพ Certificat d’Aptitude Professionnelle (CAP) หรือประกาศนียบัตรอาชีวศึกษา Brevet d’Etudes Professionnelles (BEP) และประกาศนียบัตรมัธยมปลายสายอาชีพ (Baccalauréat professionnel)
ประกาศนียบัตร Baccalauréat เป็นกุญแจสำคัญสู่การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งประกาศนียบัตรดังกล่าวนี้จะต้องเป็นประกาศนียบัตร แห่งชาติที่ได้มาจากผลการสอบทั่วไป โดยข้อสอบกลางของรัฐ ไม่ใช่ ประกาศนียบัตรของสถานศึกษา ซึ่งเทียบเท่าวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในประเทศไทย นักเรียนที่จบ ม.6 และต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศฝรั่งเศส จำเป็นต้องสอบวัดระดับความรู้ภาษาฝรั่งเศสให้ได้เสียก่อน
การศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education System)
สาธารณรัฐฝรั่งเศสมีประวัติทางการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ยาวนาน มหาวิทยาลัยแห่งแรกก่อตั้งขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 12 – 13 เช่น มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง “ลา ซอร์บอนน์ (La Sorbonne)” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1257 หรือ พ.ศ. 1800
การพัฒนาหลักสูตรในหลาย ๆ ศตวรรษต่อมา และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของสังคม ทำให้ระบบอุดมศึกษาของฝรั่งเศสเป็นระบบที่ค่อนข้างซับซ้อน จากความมุ่งหมายเดิมของการศึกษาระดับอุดมศึกษาคือ การให้การศึกษาและการวิจัย มหาวิทยาลัยได้ปรับตนเองไปตามสภาพแวดล้อมและความต้องการของสังคม ตลอดจนระบบเศรษฐกิจ เช่น การเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอนของภาคธุรกิจเอกชน โดยการก่อตั้ง Instituts Universitaires de Technologies (IUT) ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งเป็นสถาบันที่สอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ นักศึกษาจะเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมแบบธุรกิจจริง ๆ เมื่อจบการศึกษา จะได้รับประกาศนียบัตร DESS ซึ่งเป็นสิ่งประกันความสามารถทางวิชาชีพของนักศึกษาที่ได้รับการฝึกอบรมในระดับสูง และยังให้นักศึกษาได้รับการ ฝึกความชำนาญเฉพาะด้านในระดับผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ชำนาญเฉพาะอีกด้วย สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศสส่วนมากเป็นของรัฐ มีมหาวิทยาลัยของรัฐ 88 แห่ง มหาวิทยาลัยคาทอลิก 5 แห่ง สถาบันโปรเตสแตนต์ 3 แห่ง และอื่น ๆ อีก 4 แห่ง ปริญญาบัตรในระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Licence – 3 ปี ระดับ Master – 2 ปี หรือระดับ Doctorat – 8 ปี จะออกโดยรัฐบาลฝรั่งเศส
เรามักจะพบว่านักเรียนแต่ละคนที่ไปเรียนภาษาฝรั่งเศสมักจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ต้องการเรียนภาษาเพื่อการเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของฝรั่งเศส ซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ภาษาในระดับดีมาก ๆ หรือต้องการพัฒนาความสามารถด้านภาษา เช่น อาจารย์ นักวิจัย และนักธุรกิจ เป็นต้น หรือเยาวชนที่ต้องการไปทัศนศึกษา พร้อมกับการ เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ประสบการณ์ในยุโรป ทั้งในด้านศึกษาวัฒนธรรม และท่องเที่ยวหาความบันเทิงในสิ่งแวดล้อมแบบฝรั่งเศสไปด้วย
สถาบันสอนภาษาฝรั่งเศส
แนะนำศูนย์ภาษา
การไปเรียนภาษาในฝรั่งเศสไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด มีสถาบันสอนภาษาที่ใช้ชื่อว่า “ศูนย์ภาษา (Centres de langues)” สอนภาษาฝรั่งเศสทุกระดับจำนวนกว่า 130 แห่งทั่วประเทศ และรับนักเรียนตลอดทั้งปี ศูนย์ภาษาส่วนมากนิยมจัดหลักสูตรภาคฤดูร้อน คือในระหว่างเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียนของประเทศในยุโรป
ศูนย์ภาษามี 2 ประเภท คือ
-
ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย
-
ศูนย์ภาษาเอกชน
ศูนย์ภาษาทั้ง 2 ประเภท มีมาตรฐานการศึกษาเท่าเทียมกันทั้งในด้านเนื้อหาวิชาและวิธีการเรียนการสอน โดยจะมีข้อแตกต่างแต่เพียงสภาพแวดล้อมของแต่ละแห่งเท่านั้น
สภาพแวดล้อม
ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยจะจัดให้นักเรียนภาษาได้อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับการศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัยฝรั่งเศส ส่วนศูนย์ภาษาเอกชนจะให้ความช่วยเหลือ และจัดการอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องทั้งในด้านความเป็นอยู่และการเรียนการสอน โดยจะจัดให้มีบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองมากกว่า
หลักสูตรการเรียนการสอนมีให้เลือกทุกระดับทั้งสำหรับเยาวชน นักศึกษา ครู อาจารย์ ผู้ที่ทำงานแล้ว และผู้สูงวัย อายุตั้งแต่ 18 ปี จนถึงอายุ 70 ปี หรือมากกว่า เปิดหลักสูตรตลอดทั้งปี และหลักสูตรภาคฤดูร้อน (ก.ค.-ก.ย.) ใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 1 หรือ 2 สัปดาห์ หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน
หลักสูตร
การเรียนการสอน สามารถเลือกเรียนในหลักสูตรเร่งรัด (Cours intensifs) ซึ่งเรียนอย่างจริงจังทุกวัน วันละ 4 – 5 ชั่วโมง หรือเป็นหลักสูตรปกติ (Cours extensifs) ซึ่งเรียนครั้งละไม่กี่ชั่วโมง แต่ใช้เวลานานกว่า อาจเรียนเป็นกลุ่มหรือแบบตัวต่อตัว ตั้งแต่ระดับต้นจนถึงระดับสูง ศูนย์ภาษาหลายแห่งเปิดหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสเพื่อการใช้งานทั่วไปหรือสำหรับประกอบอาชีพ โดยจะได้รับหนังสือรับรอง หรือประกาศนียบัตรตามระดับที่นักเรียนสำเร็จ นอกจากนี้นักเรียนสามารถที่จะสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรและหนังสือรับรองจากศูนย์ภาษา และสามารถเตรียมสอบประกาศนียบัตรของกระทรวงศึกษาธิการคือประกาศนียบัตร DELF หรือ DALF ประกาศนียบัตรของ มหาวิทยาลัย รวมทั้งประกาศนียบัตรของหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม แห่งปารีส
อีกประการหนึ่ง นักเรียนมีโอกาสในการเลือกที่พักในหอพักของ มหาวิทยาลัย หรืออาจจะได้มีโอกาสพักร่วมกับครอบครัวฝรั่งเศส โรงแรม หรืออพาร์ทเมนต์ และยังมีกิจกรรมนอกหลักสูตรที่ศูนย์ต่าง ๆ จัดให้ ซึ่ง สถานศึกษาแต่ละแห่งมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ เพื่อให้เรียนรู้และคุ้นเคยกับเมืองที่พักอาศัยและยังได้รื่นเริงกับงานประเพณี ศิลปวัฒนธรรม การพักผ่อนหย่อนใจ กีฬา โดยอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่มีแล้วแต่นโยบายของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
การทดสอบภาษาฝรั่งเศส
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสสำหรับนักเรียนต่างชาติ ประกาศนียบัตร DELF และ DALF
-
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐาน DELF : Diplôme d’Etudes de Langue Française (Diploma in French Language)
-
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นสูง DALF : Diplôme Approfondi de Langue Française (Advanced Diploma in French Language)
ประกาศนียบัตรทั้ง 2 นี้กำหนดขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการวัดระดับความสามารถทางภาษาฝรั่งเศสของนักเรียน DELF เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาฝรั่งเศสในชีวิตประจำวัน DALF เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาระดับสูงและเฉพาะด้าน เปรียบเหมือนกับการสอบ TOEFL ของภาษาอังกฤษ การสอบประกาศนียบัตรเหล่านี้ไม่ได้บังคับจำนวนชั่วโมงเรียน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อนเลยจะสอบผ่าน DALF ได้ จะต้องเรียนประมาณ 1,000 ชม. ถือว่าเป็นระดับความสามารถทางภาษาฝรั่งเศสตามมาตรฐานในระดับที่นักศึกษาต่างชาติที่ไปเรียนต่อในฝรั่งเศสจำเป็นต้องมีเพื่อให้สามารถศึกษาต่อได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเหตุนี้ นักเรียนที่ได้รับประกาศนียบัตร DALF แล้วจึงไม่ต้องสอบภาษาอีกในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา (ตามมาตรา 88 1145 กฎหมาย ลงวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1988) นักเรียนสามารถเรียนเพื่อเตรียมตัวและสมัครสอบ DELF และ DALF ได้ที่สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ
ประกาศนียบัตร DELF และ DALFประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสสำหรับนักเรียนต่างชาติ
-
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐาน DELF : Diplôme d’ Etudes en Langue Française (Diploma in French Language) แบ่งออกเป็นระดับ A1, A2, B1 และ B2
-
ประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสขั้นสูง DALF : Diplôme Appronfondi de Langue Française (Advanced Diploma in French Language) มีระดับ C1 และ C2
โดยทั่วไปแล้วสถาบันการศึกษาในฝรั่งเศสไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยโรงเรียนวิชาชีพชั้นสูง หรือโรงเรียนเฉพาะทางอื่น ๆ จะพิจารณาเอกสารจากประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศสด้วย อย่างน้อยในระดับ B2 เป็นต้นไป เพื่อรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อ อย่างไรก็ตามในการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในประเทศฝรั่งเศส นักศึกษาสามารถยื่นใบประกาศนียบัตรภาษาฝรั่งเศส TCF หรือ TEF ได้เช่นเดียวกัน
-
TCF (Test de connaissance du français / Test of French Knowledge) เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาฝรั่งเศสโดยทั่ว ๆไป ซึ่งจะมีการสอบปรนัย สอบพูดและสอบข้อเขียน เพื่อวัดทักษะไวยากรณ์และคำศัพท์ เปรียบเทียบได้กับการสอบ IELTS ในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ หรือ Test Dalf สำหรับผู้ที่ใช้ภาษาเยอรมัน
-
TEF (Test d’èvaluation de français) เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาฝรั่งเศส จัดโดยสภาหอการค้าปารีสที่เน้นทักษะความเข้าใจในการใช้ภาษาฝรั่งเศสโดยทั่ว ๆ ไป