วัตถุดิบ : มีทบอล เนื้อแกะไม่ติดมัน 1 ปอนด์ ขนมปังนิ่ม 1 ถ้วยตวง พลาสลี่ย์แห้ง 1 ช้อนโต๊ะ ชีส Parmesan 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยดำบดหยาบ ๆ 1/4 ช้อนชา ผงกระเทียม 1/8 ช้อนชา ไข่ 1 ฟอง   วัตถุดิบ : ซอส หอมใหญ่สับ 3/4 ถ้วยตวง กระเทียบสับ 5 กลีบ น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วยตวง เกลือ 2 ช้อนชา น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนชา ใบอบเชย 1 ใบ ซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง (6 ออนซ์) โหระพา 3/4 [อ่านต่อ..]

วัตถุดิบ Crust เวเฟอร์วานิลลาบด 1-1/2 ถ้วย (เวเฟอร์ประมาณ 45 อัน) เนย 1/4 ถ้วย เปลือกเลมอน 1 ช้อนชา Cream ครีมชีส แบบนุ่น 2 แพ็ค แพ็คละ 8 ออนซ์ Half and Half Cream 2 ถ้วย ชีส Ricotta 15 ออนซ์ น้ำตาล 1-1/4 ถ้วย แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย สารสกัดวานิลลา 2 ช้อนชา น้ำมะนาว 1/3 ถ้วย เปลือกเลมอนที่ขูดออกมา 3 ช้อนชา ไข่ 4 ฟอง (ตีเบา ๆ) ใบมิ้นต์สด และเลมอนสไลด์ (หากมี) [อ่านต่อ..]

พิซซ่าสไตล์อิตาเลียน จะเป็นขนมปังอบและโรยหน้าด้วยเครื่องปรุงหรือผักต่าง ๆ หากเป็นพิซซ่าที่มีส่วนประกอบของมะเขือเทศเป็นหลักจะเรียกว่า Red Pizza และหาเป็นพิซซ่าที่ไม่มีมะเขือเทศจะรู้จักกันดีว่าเป็น Pizza Bianca หรือ White Pizza ส่วนเครื่องปรุง เนื้อ ผัก อื่น ๆ ที่โรยหน้านั้น จะขึ้นกับภูมิภาค, วัฒนธรรม และความชอบส่วนบุคคล พิซซ่าที่เรารู้จักกันในวันนี้นั้นมีต้นกำเนิดที่ เนเปิ้ล ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมระดับโลก ประเภทของพิซซ่า โดยทั่วไปจะมีทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกัน คือ Neapolitan-style และ Roman-style ซึ่งการแบ่งนั้นจะแบ่งตามขนมปังหรือขอบ Neapolitan Style จะมีขนมปังค่อนข้างหนา และมีขอบเป็นขนมปังมากกว่า ซึ่งจะถูกพบในเนเปิ้ล ซึ่งพิซซ่าอเมริกันในปัจจุบันเองก็ปรับมาจากพิซซ่าประเภทนี้เช่นกัน Roman Style เป็นพิซซ่าแป้งบาง ขอบบางกรอบ ซึ่งมาจากในกรุงโรม และภูมิภาคลาซิโอ้ ประเภทของพิซซ่าทั้ง 2 ประเภทนี้ ถูกทำด้วยแป้งสาลีที่มีคุณภาพสูง อบในเตาถ่านแบบเปิด แป้งพิซซ่าที่ได้จะต้องเป็นแป้งพิซซ่าที่ทำเอง นวดเองเท่านั้น ซึ่งพิซซ่าที่เรารับประทานกันส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะวงกลม แต่บางครั้งอาจเป็นแบบรูปสี่เหลี่ยม และตัดมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก [อ่านต่อ..]

ขนมหวานอื่น ๆ นอกจากทีรามิสุ   คุ้กกี้และขนมปังกรอบ คุ้กกี้อิตาเลียนส่วนใหญ่จะมีรสหวานเล็กน้อย และมีส่วนผสมของถั่ว หรือผลไม้อบแห้งอยู่ ซึ่งคุ้กกี้อิตาเลียนจะไม่ค่อยมีให้เลือกหลากหลาย จะมีความแข็งและมีความหวานอยู่เล็กน้อย Zabaglione เป็นคัสตาร์ดที่ทำง่าย ๆ และอร่อย ซึ่งเป็นขนมพื้นถิ่นของ Veneto ทำมาจากไข่แดง, น้ำตาล และเหล้าองุ่นหวาน   Cannoli เป็นขนมหวานที่มีชื่อเสียงของชาวซิลิเซีย ซึ่งเป็นเมนูทั่วไปที่มักจะพบในร้านอาหารอิตาเลียน แป้งกรอบข้างนอกทำมาจากแป้งขนมปังนำไปม้วนและทอด สอดไส้ครีมรสหวานข้างใน ซึ่งจะทำมาจากริค้อตต้า (นมแกะของอิตาลี)   Zeppole โดนัทอิตาเลียน ซึ่งในแบบดั้งเดิมจะโรยหน้าด้วยน้ำตาลและอบเชย หรือนำไปกินกับน้ำผึ้ง ต่อมาในยุคปัจจุบัน จะมีการสอดไส้ครีม หรือแต่งหน้าด้วยวิปครีมมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นโดนัท Zeppole ในเทศกาลสำคัญของอิตาลี โดยเฉพาะ St. Joseph's Day (วันที่ 19 มีนาคมของทุกปี)   Torrone เป็นขนมตังเมที่ย้อนกลับไปในยุคของโรมันจะถูกใช้ตามงานสำคัญงานศาสนา และนำมากินกันหลังเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งขนมตังเมสไตล์อิตาเลียนนั้นทำมาจาก น้ำผึ้ง, ไข่ขาว และถั่ว อาทิเช่น อัลมอนด์, [อ่านต่อ..]

วันนี้ขอมารีวิวร้านอาหารที่ไปทานมาได้สักสองสัปดาห์แล้วค่ะ เป็นร้านที่เพื่อนของแอดมินแทบจะลากไปกินกันเลยทีเดียว ต่างก็ยืนยันว่าอร่อย ๆ และราคาไม่แพง ว่าแล้วก็ต้องไปกินกันสักที ร้านนี้สามารถเดินจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท ออกมา เพียงแค่นิดเดียวค่ะ ร้านจะอยู่ซอย 1 ค่ะ แต่ถ้ามาบีทีเอส ก็สถานีอโศก แล้วเดินทางใต้ดินที่ผ่าน Shopping Mall ในใต้ดินมาได้เลยค่ะ หน้าร้าน จะมีต้นไม้ประดับตกแต่งค่ะ มีโต๊ะสำหรับนั่งข้างนอกและในร้านค่ะ เพื่อนของแอดมินได้จัดการจองที่นั่งไว้เรียบร้อย เนื่องจากร้านมีคนเข้าตลอดเวลา จึงแนะนำว่าถ้าไปในช่วงตอนเย็น แนะนำให้จองเลยค่ะ เข้ามาดูภายในร้าน ร้านจะตกแต่งอย่างสวยงามค่ะ มีงานศิลปะต่าง ๆ รวมถึงภาพวาดจากกระดาษรองจานของลูกค้า ที่ทางร้านได้เอามาติดบนกระจก ซึ่งในระหว่างรอ เราก็สามารถนั่งวาดเล่น ๆ ได้ค่ะ เป็นการฝึกศิลปะไปในตัว แต่ถ้าของแอดมิน คงไม่ใช่ศิลปะแน่นอนค่ะ 555   บรรยากาศภายในร้าน ภาพวาดจากลูกค้า ที่ทางร้านนำมาติดไว้ ภาพวาดตกแต่งภายในร้านค่ะ ว่าแล้วก็มาถึงในเรื่องของอาหาร อาจจะแบบปนไทย ๆ นิดนึงนะคะ เนื่องจากเพื่อน ๆ ชอบทานกันค่ะ ขอบอกก่อนนะคะ งานนี้มี ผู้หญิง 4 [อ่านต่อ..]

วันนี้ขอประเดิมการรีวิวร้านอาหาร ด้วยร้านอาหารที่ใกล้กับบริษัทมากที่สุด อย่าง Kuppadeli ตั้งอยู่ปลายถนนอโศก ในตึก Asoke Tower บรรยากาศภายในร้าน Kuppadeli จะออกแนวเป็นร้านขายแซนด์วิช กาแฟ เค้ก ซะมากกว่า แต่อย่างไรถ้าเราจะมากินอาหารที่นี่ก็มีอาหารอร่อย ๆ ให้กินหลากหลายเชื้อชาติด้วยกัน ทั้ง Tapas, Pasta, Burger เป็นต้น วันนี้ก็ยกโขยงพี่ ๆ ในบริษัทกันไป ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วน ๆ เลยนะคะ SPAGHETTI CABONARA "จานนี้อร่อยค่ะ หนักครีมดี แล้วไม่เลี่ยนมากค่ะ" ANGUS BEEF LASAGNA  "ลาซานญ่าจานนี้ อร่อยค่ะ แบบชีสเยอะมาก" FETTUCCINE SALMON  "จานนี้ก็อร่อยดีค่ะ เปรี้ยวมะนาวนิด ๆ แต่ด้วความที่แอดมินไม่ชอบเส้นเฟตูชินี่เท่าไรค่ะ  ก็เลยไม่ค่อยได้ทานจานนี้เท่าไรเลยค่ะ" FISH & CHIP  "จานนี้ พี่ ๆ หลายคนชอบมาก เพราะปลาทอดได้อร่อยมาก" SALMON [อ่านต่อ..]

II Pandoro di Verona เป็นเค้กที่ผสมผสานระหว่างเวเนทีเรียนและอิตาเลียน โดยเค้กมีรูปร่างสูงและโรยด้วยผงน้ำตาล ซึ่งเค้กชนิดนี้มักจะขายในร้านเบเกอรี่โดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดหรือเทศกาล อาทิเช่น คริสต์มาสต์, ปีใหม่ เป็นต้น   II Panettone เป็นขนมปังรสชาติหวานมีต้นกำเนิดมาจากเมืองมิลาน และมักจะรับประทานในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ในประเทศอิตาลี และทางตอนใต้ของฝรั่งเศส, ประเทศบราซิล, เปรู, มัลตา, เยอรมนี และสวิตเซอร์แลน ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของมิลานเลยทีเดียว ขนมปังชนิดนี้จะมีรูปร่างคล้ายโดม สูงประมาณ 12-15 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม   The Colomba for Easter เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งมักจะใส่อัลมอนด์และผลไม้แห้งลงไปในขนมปัง

ข้อแตกต่างข้อที่ 1 ไอศกรีมเจลาโต้จะมีไขมันเนยน้อยกว่าไอศกรีมทั่วไปประมาณ 18-26 เปอร์เซ็นต์ สังเกตง่าย ๆ นะคะ เจลาโต้เป็นไอศกรีมที่ไม่แข็งตัวเหมือนกับไอศกรีมทั่ว ๆ ไป นั่นแหล่ะค่ะ คือสาเหตุของการที่มีไขมันเนยน้อยกว่าค่ะ ข้อแตกต่างข้อที่ 2 ไอศกรีมเจลาโต้จะมีความเข้มข้นมากกว่าไอศกรีมปกติ อันนี้เป็นเพราะว่าไอศกรีมปกติจะเป็นการผสมกันของครีม, นม และน้ำตาล จากนั้นจะอัดอากาศลงไป แต่สำหรับเจลาโต้จะไม่มีการอัดอากาศลงไปค่ะ จึงทำให้ครีมเป็นครีมกันเลยทีเดียว ข้อแตกต่างข้อที่ 3 เจลาโต้จะมีความอุ่นกว่าไอศกรีมปกติ ซึ่งเจลาโต้จะถูกเสริฟที่ 10-15 องศาฟาเรนไฮนซ์ ซึ่งมีความอุ่นกว่าไอศกรีมปกติ จึงทำให้ตัวไอศกรีมไม่มีความแข็งมากนัก

Classic Tiramisu   วัตถุดิบ สำหรับ 12 ที่เสริฟ ไข่แดง 6 ฟอง น้ำตาลทรายขาว 1 1/4 ถ้วยตวง ชีส mascarpone 1 1/4 ถ้วยตวง วิปครีมเข้มข้น 1 3/4 ถ้วยตวง Ladyfingers 2 ห่อ กาแฟ 1/3 ถ้วย ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1 ช้อนชา (สำหรับโรยหน้า) ช็อคโกแล็ตแบบหวานน้อย 1 ออนซ์ (สำหรับโรยหน้า) วิธีทำ ผสมไข่แดงและน้ำตาลทรายผสมกันและนำไปอังในน้ำร้อน คนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 นาที และดับไฟเมื่อมีความเข้มข้น และเป็นสีเขียวมะนาว จากนั้นนำไปเข้าเครื่องผสมและคนจนได้เป็นครีมเข้ากัน และใส่วิปครีม จนกระทั่งเข้าเนื้อกันดี หั่น Ladyfingers เป็นครึ่งส่วนและนำไปวางเรียงกันในชามขนาดใหญ่ จากนั้นทากาแฟลงไป เสร็จแล้วก็นำวิปที่ตีเสร็จเรียบร้อยแล้วปิดทับ และวาง [อ่านต่อ..]

Pizza Margherita วัตถุดิบ แป้งพิซซ่าสำเร็จรูป แบบบาง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 2 กลีบ เบซิล 3-4 ใบใหญ่ มะเขือเทศลูกเล็ก 2 ลูก ชีส Mozzarella 4 ออนซ์ ชีส Parmesan 2 ช้อนโต๊ะ เกลือและพริกไทยเล็กน้อย วิธีทำ เตรียมตู้อบให้มีความร้อน 450 องศาฟาเรนไฮต์ ทาน้ำมันมะกอกบนแป้งพิซซ่า และใช้แปรงทารอบ ๆ โรยกระเทียมที่หั่นแล้ว กระจายให้รอบ โดยชีส Mozzarella ด้านบน แต่ต้องไม่หนามากนัก วางมะเขือเทศที่สไลด์เรียบร้อยแล้วให้ทั่ว โรยเกลือและพิกไทยเล็กน้อย โรยใบเบซิลสด นำพิซซ่าไปอบในตู้อบประมาณ 9-10 นาที จนกระทั่งเริ่มเห็นแป้งมีความกรอบ และชีสเริ่มละลาย จากนั้น โรยชีส Parmesan พร้อมเสริฟ

ต้นกำเนิดของพาสต้า มาจากพ่อค้าชื่อ Marco Polo ซึ่งได้นำพาสต้ากลับมาจากการเดินทางของเขาที่ไปยังประเทศจีน อย่างไรก็ตามหลักฐานเหล่านี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่หลักฐานที่พบ จะพบว่าในช่วงยุคโรมันจะมีการผลิตพาสต้าแบบใหม่ขึ้นเป็นลาซานญ่า ซึ่งในยุคนั้นจะไม่มีการนำไปเส้นลาซานญ่าไปต้มเหมือนกับพาสต้า แต่จะนำไปอบแทน จึงทำให้ยังไม่สามารถเชื่อได้ว่าลาซานญ่าในยุคโรมันนั้นถือได้ว่าเป็นพาสต้าหรือไม่ อย่างไรก็ตามในศตวรรษที่ 8 ทางตอนใต้ของอิตาลีมีชาวอาหรับย้ายถิ่นเข้ามาอยู่กันมากขึ้น จึงทำให้มีผลกระทบต่ออาหารทางท้องถิ่นมากขึ้น และจึงเป็นที่มาของต้นกำเนิดพาสต้าได้อย่างแท้จริง ผลิตภัณฑ์เส้นแห้งที่ผลิตจากซิซิลีนั้นน่าจะเป็นต้นกำเนินของเส้นพาสต้าแบบแห้ง และได้มีการผลิตอย่างมากขึ้นในแถบ Palermo ในช่วงเวลาต่อมา นอกจากนี้คำว่า "มะกะโรนี" ยังมาจากชาวซิซิลีที่หมายถึงการนำแป้งไปบดอย่างหนัก ซึ่งสมัยนั้นเส้นพาสต้านั้นต้องใช้เวลาในการทำที่นานมากขึ้น เมนูอาหารในสมัยนั้นส่วนใหญ่ จะนำพาสต้าเสริฟกับเครื่องเทศอย่างอบเชย และลูกเกด เมนูพาสต้าแบบนี้มีต้นกำเนิดมาจากซิซิลีและยังถูกแพร่กระจายไปถึงใจกลางประเทศอิตาลีต่อไป และในค.ศ. 1300 เส้นพาสต้าแบบแห้งได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการของตัวมันเอง และยังสามารถเก็บไว้ได้ยาวนาน เหมาะกับการเดินเรือในระยะเวลานาน ซึ่งเวลานั้นพาสต้าเริ่มมีรูปร่างแตกต่างกันไป และมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาที่สามารถทำให้ผลิตเส้นพาสต้าได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามการพัฒนาเมนูพาสต้าเริ่มมีการพัฒนามากขึ้นในศตวรรษที่ 19 เมื่อเกิดเมนูพาสต้ากับมะเขือเทศ

วิธีทำ Risotto alla Milanese   วัตถุดิบ สำหรับ 4 คน ข้าว 400 กรัม น้ำสต๊อกเนื้อ 1 ลิตร ไวน์ขาว 1/2 ถ้วย เนย 40 กรัม ไขกระดูกเนื้อ 40 กรัม ชีส Grana Padano 60 กรัม (อายุประมาณ 24 เดือน) หัวหอม 30 กรัม แซฟฟรอน 0.5 กรัม วิธีทำ ทอดหัวหอมในเนย 20 กรัม และไขกระดูก จากนั้นใส่ข้าวลงไปและหุงด้วยไฟปานกลางประมาณ 2-3 นาที ต้องหมั่นคนบ่อย ๆ ใส่ไวน์ขาวลงไป และปล่อยให้ระเหยออกไป ใส่น้ำสต๊อกที่ต้มจนร้อน ลงไป 3 ทัพพี และคนเบา [อ่านต่อ..]

วิธีทำ สปาเก็ตตี้คาโบนาล่า   วัตถุดิบ สำหรับ 4 คน เส้นสปาเก็ตตี้ 400 กรัม เบคอนรมควัน 150 กรัม ชีส Pecorino romano 30 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง เกลือ และพริกไทย วิธีทำ หั่นเบคอนเป็นลูกบาศก์ และนำไปทำให้ร้อนจนกระทั่งไขมันละลาย ตีไข่ และนำไปผสมกับชีส และพริกไทย ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ในน้ำ ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำไปคุกกับเบคอนและไขมันที่ละลายออกมาในกระทะ จากนั้นใส่ไข่ที่ผสมกับชีสไว้เรียบร้อยแล้ว ผสมกันให้เข้าที่ เป็นอันเสร็จสิ้น

รู้จัก อาหารอิตาเลี่ยน เนื่องจากผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าชื่อไหนถูกตามหลักภาษาไทย ก็เลยขอเขียนมันทั้ง 3 ชื่อเลยละกัน ทั้ง อาหารอิตาเลี่ยน อาหารอิตาเลียน และอาหารอิตาลี วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของอาหารอิตาเลียน ซึ่งเป็นอาหารที่คนไทยเองก็รู้จักกันดี และต้องเคยกินกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า, มะกะโรนี, สปาเก๊ตตี้ เป็นต้น แต่สำหรับหัวข้อนี้จะนำพาผู้อ่านไปรู้จักตั้งแต่ประวัติของอาหาร, อาหารประจำถิ่น รวมถึงวิธีทำในแบบสไตล์อิตาเลียนกันอย่างแท้จริง อาหารอิตาเลียนถูกพัฒนามาหลากหลายศตวรรษด้วยกัน ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามสังคมและการเมืองในแต่ละยุคแต่ละสมัย จนมาถึงปัจจุบัน จริง ๆ แล้วอาหารอิตาเลียนนั้นในหลาย ๆ เมนูเป็นอาหารที่ทำง่าย เตรียมวัตถุดิบไม่อยากนัก บางเมนูใช้วัตถุดิบเพียงแค่ 4-8 ชนิด ซึ่งหลักสำคัญของการทำอาหารอิตาเลียนนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพวัตถุดิบมากกว่าการปรุงอาหาร และด้วยประวัติของเมนูหลาย ๆ ชนิดที่ถูกคิดค้นจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ใช่เชฟ ทำให้อาหารอิตาเลียนเป็นอาหารที่เหมาะสมกับการทำเองที่บ้านเป็นอย่างมาก   วัตถุดิบหลักของอาหารอิตาเลียน   อาหารอิตาเลียนมีความหลากหลายแตกต่างกันแลวแต่การนำไปใช้ ซึ่งมีทั้งผลไม้, ผัก, ซอส, เนื้อ และอื่น ๆ ซึ่งในแถบทางเหนือของอิตาลี ปลาคอด, มันฝรั่ง, ข้าว, ข้าวโพด, ไส้กรอก, เนื้อหมู [อ่านต่อ..]

  นักเรียนไทยหลาย ๆคนมักจะทำอาหารเองมากกว่า เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าและสะดวกสบายกว่า วันนี้พี่จึงขอแนะนำอาหารง่าย ๆ สำหรับการทำเองในหอพัก หรืออพาร์ทเม้นค่ะ โดยสูตรอาหารนี้จะเป็นสูตรอาหารสำหรับ 2 ที่เสริฟนะคะ   ออมเล็ต วัตถุดิบ:  ไข่ 6 ฟอง หัวหอมขนาดกลาง 1 ลูก วิธีทำ หั่นหัวหอมบาง ๆ และนำไปทอดในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง เติมน้ำมัน จากนั้นนำไข่ที่ตีแล้วใส่ลงในกระทะ ใช้ไฟปานกลางจนกระทั่งด้านล่างของออมเล็ตเริ่มอยู่ตัว จากนั้นกลับข้างเพื่อให้ความร้อนทั่วถึง นำใส่จาน พร้อมเสริฟกับ ขนมปัง หากต้องการใส่มะเขือเทศ, ทูน่า, ชีส หรือเบคอน สามาถใส่ได้ได้นะคะ หรือถ้าต้องการใส่มันฝรั่ง ซึ่งเป็นออมเล็ตสไตล์สเปนนั้น ให้หั่นมันฝรั่งเป็นลูกบาศก์และใส่ไปพร้อมกับหัวหอม และใช้ไฟอ่อน ๆ ในการทอด จนกระทั่งมันฝรั่งสุก   สปาเก็ตตี้โบโลเนส   วัตถุดิบ: เส้นสปาเก็ตตี้ (หรือเส้นพาสต้า) 170 กรัม / 6 ออนซ์ [อ่านต่อ..]