ประวัติโอลิมปิก หรือ ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อของ โอลิมปิกเกมส์ นั้นมีความเป็นมาอย่างไร มีวิวัฒนาการอย่างไร ก่อนที่จะกลายเป็นการแข่งขันกีฬาหลายชนิดระหว่างประเทศเช่นในปัจจุบัน ซึ่งมีประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันหมุนเวียนกันทุก 4 ปี มีคณะกรรมการโอลิมปิกสากล คอยดูแลความเรียบร้อยซึ่งการจัดการแข่งขันแต่ละครั้งจะมีการมอบเหรียญรางวัลให้กับผู้ชนะเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 เรามาติดตามประวัติ และวิวัฒนาการของโอลิมปิกไปพร้อมกัน

 

สัญลักษณ์โอลิมปิก - ประวัติโอลิมปิก

 

ประวัติโอลิมปิก ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม

ก่อนหน้าคริสตกาลกว่า 1,000 ปี การแข่งขันกีฬาได้ดำเนินการกันบนยอดเขา โอลิมปัส ในประเทศกรีซ โดยนักกีฬาจะต้องเปลือยกายเข้าแข่งขัน เพื่อประกวดความสมส่วนของร่างกาย และยังมีการต่อสู้บางประเภท เช่น กีฬาจำพวกมวยปล้ำ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง ผู้ชมมีแต่เพียงผู้ชาย ห้ามผู้หญิงเข้าชม ดังนั้นผู้ชมจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา ครั้นต่อมามีผู้นิยมมากขึ้น สถานที่บนยอดเขาจึงคับแคบเกินไป ไม่เพียงพอที่จุทั้งผู้เล่นและผู้ชมได้ทั้งหมด ดังนั้น ในปีที่ 776 ก่อนคริสตกาล ชาวกรีกได้ย้ายที่แข่งขันลงมาที่เชิงเขาโอลิมปัส และได้ปรับปรุงการแข่งขันเสียใหม่ให้ดีขึ้น โดยให้ผู้เข้าแข่งขันสวมกางเกง พิธีการแข่งขันจัดอย่างเป็นระเบียบเป็นทางการ มีจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน อนุญาตให้สตรีเข้าชมการแข่งขันได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าแข่งขัน ประเภทกรีฑาที่แข่งขันที่ถือเป็นทางการในครั้งแรกนี้ มี 5 ประเภท คือ วิ่ง, กระโดด, มวยปล้ำ, พุ่งแหลน และขว้างจักร ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง ๆ จะต้องเล่นทั้ง 5 ประเภท โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัล คือ มงกุฎที่ทำด้วยกิ่งไม้มะกอกซึ่งขึ้นอยู่บนยอดเขาโอลิมปัสนั่นเอง และได้รับเกียรติเดินทางท่องเที่ยวไปทุกรัฐ ในฐานะตัวแทนของพระเจ้า

การแข่งขันได้จัดขึ้น ณ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส ที่เดิมเป็นประจำทุก ๆ สี่ปี และถือปฏิบัติติดต่อกันมาโดยไม่เว้น เมื่อถึงกำหนดการแข่งขัน ทุกรัฐจะต้องให้เกียรติ หากว่าขณะนั้นกำลังทำสงครามกันอยู่ จะต้องหยุดพักรบ และมาดูนักกีฬาของตนแข่งขัน หลังจากเสร็จจากการแข่งขันแล้ว จึงค่อยกลับไปทำสงครามกันใหม่ ประเภทของการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างในระยะต่อ ๆ มา โดยมีการพิจารณาและลดประเภทของกรีฑาเรื่อยมา อย่างไรก็ดีในระยะแรก ๆ นี้กรีฑา 5 ประเภทดังกล่าวที่จัดแข่งขันกันในครั้งแรกก็ยังได้รับเกียรติให้คงไว้ ซึ่งเรียกกันว่า เพ็นตาธรอน หรือ ปัญจกรีฑา ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงกำเนิดของกรีฑา ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการแข่งขันกันอยู่ แต่ประเภทของปัญจกรีฑาได้เปลี่ยนไปตามเวลา

ประวัติโอลิมปิก มีต้นกำเนิดจากประเทศกรีซ

ประวัติโอลิมปิก มีต้นกำเนิดจากประเทศกรีก มาตั้งแต่ก่อนหน้าคริสตกาลกว่า 1,000 ปี

การแข่งขันได้ดำเนินติดต่อกันมานับเป็นเวลาถึง 1,200 ปี จนมาในปี พ.ศ. 936 (ค.ศ. 393) จักรพรรดิธีโอดอซิดุชแห่งโรมันได้ทรงประกาศให้ยกเลิกการแข่งขันนั้นเสีย เพราะเกิดมีการว่าจ้างกันเข้ามาเล่นเพื่อหวังรางวัล และผู้เล่นปรารถนาสินจ้างมากกว่าการเล่นเพื่อสุขภาพของตน รวมทั้งมีการพนันขันต่อ อันเป็นทางวิบัติซึ่งผิดไปจากวัตถุประสงค์เดิม คือ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหลายต่างก็อยากได้ช่อลอเรลซึ่งเป็นรางวัลของผู้ชนะ ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงสั่งให้ล้มเลิกการแข่งขันนี้เสีย

ตลอดระยะเวลาที่มีการแข่งขันนั้น ได้จัดขึ้น ณ บริเวณที่แห่งเดียว คือ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส จึงเรียกการแข่งขันตามชื่อของสถานที่ว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

โอลิมปิกสมัยใหม่ การฟื้นฟูการแข่งขันที่เป็นส่วนสำคัญของโอลิมปิก

หลังจากโอลิมปิกโบราณได้ล้มเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ศตวรรษ โอลิมปิกยุคใหม่ก็เกิดขึ้น โดยมีนักกีฬาคนสำคัญของฝรั่งเศสชื่อ บารอน ปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง ท่านขุนนางผู้นี้เกิดในกรุงปารีส เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) สนใจประวัติศาสตร์ ปัญหาการเมืองและสังคม ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ท่านอายุได้ 26 ปี ได้เกิดความคิดที่จะฟื้นฟูการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งได้ล้มเลิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 936 (ค.ศ.393) โดยติดต่อกับบุคคลสำคัญของประเทศอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส เป็นเวลาถึง 4 ปี ในที่สุดได้เปิดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการขึ้น ที่ตำบลซอร์บอนน์ ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892) และประกาศ ณ ที่นั้นว่า การแข่งขันโอลิมปิกซึ่งได้หยุดมานานกว่า 15 ศตวรรษ จักได้พื้นขึ้นใหม่เป็นการปัจจุบัน และแผนการของงานโอลิมปิกปัจจุบันนั้น ได้เป็นที่ตกลงกันในที่ประชุมจำนวน 15 ประเทศ ณ ตำบลซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส

คณะกรรมการผู้ริเริ่ม ได้ลงมติว่า ให้ทำการเปิดการแข่งขันโอลิมปิกปัจจุบันขึ้น โดยกำหนด 4 ปีต่อ 1 ครั้ง โดยให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ แต่การเปิดแข่งขันครั้งแรกให้เริ่ม ณ กรุงเอเธนส์ ใน พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการกำเนิดกีฬาโอลิมปิกเมื่อครั้งโบราณ จากนั้นเป็นต้นมา การแข่งขันและวิธีเล่นกรีฑาก็พัฒนาไปอย่างกว้างขวาง และการแข่งขันทุก ๆ ครั้ง ให้ถือเอากรีฑาเป็นกีฬาหลัก ซึ่งจะขาดเสียมิได้ในการแข่งขันแต่ละครั้ง

ประวัติโอลิมปิก

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในสนามหินอ่อนในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

วิวัฒนาการของ กีฬาโอลิมปิก (ฤดูร้อน) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896-2000 – ประวัติโอลิมปิก

ค.ศ.1896 เอเธนส์ กรีซ (กรีก) กีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้หยุดไปเป็นเวลานาน โดยจัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ (Athens) ประเทศกรีกที่สนามกีฬา Olympic Stadium ซึ่งได้ถูกทำลายไปโดยทหารฝรั่งเศส การแข่งขันครั้งนี้นับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของกรีก ไม่ใช่แค่เพียงได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้เท่านั้น แต่เพราะนักกีฬาชาติกรีกได้นำชัยชนะมาให้กรีกเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันวิ่งมาราธอนซึ่งถือเป็นกีฬาสัญญลักษณ์ของโอลิมปิก ด้วยการกวาดเหรียญรางวัลชนะเลิศถึง 47 เหรียญ ชัยชนะของนักกีฬากรีกในครั้งนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Loues ผู้ชนะในการแข่งขันวิ่งมาราธอนและได้เป็นกลายขวัญของคนทั้งประเทศของตน

ค.ศ.1900 ปารีส ฝรั่งเศส จริง ๆ แล้วได้มีความพยายามที่จะให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นในกรีกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ บารอน ปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง (Pierre de Coubertin) ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ขึ้นได้ยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะให้มีการแข่งขันเวียนไปตามประเทศต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมการแข่งขันกีฬา การแข่งขันในครั้งนี้ชัยชนะในการแข่งขันในกีฬาประเภทต่างๆ กระจายกันไปอยู่ในหมู่นักกีฬาจากประเทศต่าง ๆ

ค.ศ.1904 เซ็นต์หลุยส์ สหรัฐ มีนักกีฬาจากประเทศในยุโรปมาร่วมการแข่งขันในครั้งนี้น้อยมาก เนื่องจากความไม่สะดวกในการเดินทาง นักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาจึงได้ครอบครองเหรียญชัยชนะมากที่สุด กีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้จัดว่าเป็นครั้งที่น่าอดสูที่สุด เริ่มจากการแย่งกันระหว่าง เซ็นต์หลุยส์ และ ชิคาโก ว่ารัฐใดจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน นอกจากนั้นนักกีฬาผู้ที่ได้เข้าเส้นชัยในการแข่งขันวิ่งมาราธอนยังใช้วิธีการสกปรกในการได้มาซึ่งชัยชนะครั้งนั้นด้วยการแอบโดยสารรถบรรทุกระหว่างการแข่งขันเพื่อย่นระยะทาง การแข่งขันในครั้งนั้นมีนักกีฬาเข้าแข่งขันเป็นชาย 681 คน เป็นหญิง 6 คน

โอลิมปิก 1904 ที่เซ็นต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา

ค.ศ.1906 เอเธนส์ กรีซ (กรีก) กีฬาโอลิมปิกจัดพิเศษ ที่ถือว่าเป็นการจัดซ้อน เป็นการแข่งขันกีฬาหลายประเภทในระดับนานาชาติ จัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ซึ่งอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะกำหนดให้เป็นกีฬาโอลิมปิกหรือไม่ และเหรียญรางวัลที่มอบในการแข่งขันนี้ ก็ไม่ได้รับการบันทึกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล

ค.ศ.1908 ลอนดอน สหราชอาณาจักร การแข่งขันกีฬาครั้งที่ 4 มีขึ้นที่กรุงลอนดอน โดยจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ผู้นำในการแข่งขันครั้งนี้ได้แก่ประเทศอังกฤษ โดยสามารถครอบครองเหรียญชัยได้ถึง 145 เหรียญโดยมีสหรัฐอเมริกาตามมาเป็นอันดับที่ 2 ในการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้มีนักกีฬาจำนวนมากจากหลายประเทศมาเข้าร่วมทำการแข่งขันโดยมาจาก แอฟริกาใต้ แคนนาดา และออสเตเรีย ซึ่งจัดว่าเป็นการแข่งขันนานาชาติครั้งแรกจริงๆ การแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 2,036 คน เป็นชายประมาณ 2,000 คน หญิง 36 คน และการแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้ชนะจากการแข่งขันในแต่ละประเภทได้รับเหรียญทอง ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ชนะเลิศจะได้รับเหรียญเงิน

ค.ศ.1912 สต็อกโฮล์ม สวีเดน ในครั้งนี้ King Gustav ที่ 5 แห่งสวีเดนได้ทรงตรัสยกย่อง จิม โธร์ป (Jim Thorpe) นักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาว่าเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งคำยกย่องนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เกินความจริงเลย โดยเขาชนะเลิศการแข่งขันกีฬาลู่-ลาน 5 ประเภท (Pentathalon) รวมทั้งชนะเลิศการแข่งขันกีฬาลู่-ลาน 10 ประเภท (Decathalon) ด้วย ซึ่งได้ทำให้ โธร์ป ได้กลายเป็นดาวของกีฬาโอลิมปิกจากสหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริง แต่ต่อมา Thorpe ได้ถูกยึดเหรียญชัยชนะคืนมาหลังจากที่ IOC พบว่าเขาอยู่ในทีมนักเบสบอลอาชีพในปี 1909 แต่หลังจากนั้นต่อมาถึง 73 ปี Thorpe ก็ได้รับเหรียญรางวัลกลับคืนมาด้วยแรงสนับสนุนของผู้ที่นิยม และเห็นอกเห็นใจ แต่ก็หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว

โอลิมปิก 1912 ถูกจัดว่าเป็นครั้งที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง สวีเดนซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพได้มีการเตรียมพร้อมให้การแข่งขันครั้งนี้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด มีนักกีฬา 26 ประเทศหรือประมาณกว่า 3,000 คนมาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้

โอลิมปิก 1912 สต็อกโฮล์ม สวีเดน

ค.ศ.1916 เบอร์ลิน จักรวรรดิเยอรมัน

ไม่มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1

ค.ศ.1920 แอนต์เวิร์ป เบลเยียม ได้มีการกำหนดสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิกขึ้นใหม่ในรูปห่วง 5 ห่วงคล้องกันอยู่ (Olympic Rings) กีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ไม่สามารถที่กล่าวได้ว่าเป็นกีฬานานาชาติอย่างแท้จริงเนื่องจากได้กีดกันไม่ให้ประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 เข้ามาร่วมการแข่งขันด้วย ดาวรุ่งกีฬาครั้งนี้คือ Paavo Nurmi ซึ่งครองชัยชนะการวิ่งระยะไกลทั้งหมดมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ แอนต์เวิร์ป เป็นชาย 2,453 คน หญิง 64 คน

ประวัติโอลิมปิก 1920

ค.ศ.1924 ปารีส ฝรั่งเศส ไฮไลต์การแข่งขันที่ปารีสครั้งนี้ แฮโรลด์ อับราฮัมส์ (Harold Abrahams) นักกีฬาจากประเทศอังกฤษชนะเลิศการวิ่ง 100 เมตร ในเวลา 10.6 วินาที เอาชนะนักวิ่งแชมป์เก่าชาวอเมริกันในโอลิมปิก 1920 ชาร์ลีย์ แพดด็อก (Charley Paddock) และผู้ที่ได้อันดับสามคือ Arthur Porritt

ในส่วนของกีฬาว่ายน้ำ นักกีฬาว่ายน้ำจากสหรัฐอเมริกา จอห์นนี ไวส์มึลเลอร์ (Johnny Weismuller) ได้ชนะเลิศการแข่งขันว่ายน้ำถึง 3 เหรียญทอง ด้วยท่า ฟรีสไตล์ 100 เมตร ฟรีสไตล์ 400 เมตร และประเภททีม ผลัด 4 × 200 เมตร

ค.ศ.1928 อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เป็นครั้งแรกที่ IOC ได้ทำการย่นระยะเวลาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกลงเหลือเพียง 16 วัน ก่อนหน้านั้นการแข่งขันจะกินเวลาเป็นเดือน การแข่งขันครั้งนี้ประเทศเจ้าภาพ เนเธอร์แลนด์ มีความหวังที่จะได้ชัยชนะในกีฬาฟุตบอล แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่ออุรุกวัยและอาร์เจนตินาได้เข้าชิงแทน ในส่วนของกีฬาวิ่งระยะกลางและระยะไกล Paavo Nurmi ได้รับการยกย่องเป็นเจ้าแห่งการแข่งขันวิ่งระยะไกลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนสหรัฐอเมริกาได้ครองเหรียญทองเป็นจำนวนมาก จากการแข่งขันว่ายน้ำ ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ ประเทศที่เริ่มฉายแววทางกีฬาเพิ่มขึ้นมาคือ ญี่ปุ่น และในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่มีการจัดการแข่งขัน ประเภทลู่ลานหญิง เป็นครั้งแรกอีกด้วย

โอลิมปิก 1928

ค.ศ.1932 ลอสแอนเจลิส สหรัฐ ลอส เองเจริส มีเวลาในการเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ถึง 9 ปี ได้ทำการก่อสร้าง Coliseum ขนาด 100,000 ที่นั่ง ซึ่งในปี 1984 ได้ใช้ที่แห่งนี้เป็นที่จัดการแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง ปีนี้เป็นปีที่ริเริ่มสิ่งๆใหม่หลายอย่าง อาทิ มีการจัดค่าเดินทางแก่นักกีฬาต่างประเทศที่มาร่วมการแข่งขัน การสร้างหมู่บ้าน Olympic Village นักกีฬาเพื่อนักกีฬาจากหลายประเทศมาอยู่ร่วมกัน

ค.ศ.1936 เบอร์ลิน ไรช์เยอรมัน นักกีฬาผิวดำจากประเทศสหรัฐอเมริกา Jesse Owens ได้ลบคำสบประมาทของ Adolf Hitler ที่กล่าวว่าชาวเยอรมันเหนือกว่าชาติอื่นในทุกด้าน ด้วยการคว้าเหรียญทองได้ถึง 4 เหรียญ การแข่งขันในครั้งนี้มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดจาก 49 ประเทศ เป็นชาย 3,738 คน หญิง 328 คน

ค.ศ.1940 โตเกียว ญี่ปุ่น เปลี่ยนเป็น เฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ไม่มีการแข่งขันกีฬาเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

ค.ศ.1944 ลอนดอน สหราชอาณาจักร ไม่มีการแข่งขันกีฬาเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

ค.ศ.1948 ลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทางวิทยุทั่วโลกในครั้งนี้ได้มีนักกีฬาจากสหรัฐอเมริกา บ็อบ มาเธียส (Bob Mathias) ได้กลายเป็นขวัญใจโดยสามารถครองเหรียญทองจากการแข่งขัน Decathalon ซึ่งจัดว่าเป็นกีฬาที่ยากต้องอาศัยความแข็งแรงและความอดทนอย่างสูง นอกจากนั้นการแข่งขันในครั้งนี้ เยอรมันและญี่ปุ่นผู้พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขัน ในโอลิมปิกลอนดอนนี้ มีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันจาก 59 ประเทศ เป็นชาย 3,741 คน และหญิง 385 คน

ค.ศ.1952 เฮลซิงกิ ฟินแลนด์ Emil Zatopek จากเชโกสโลวาเกียได้กลายเป็นดาวเด่นในหมู่นักกีฬา เมื่อเขาได้ชัยชนะในการแข่งขันวิ่งระยะไกล 10,000 เมตร และ 50,000 เมตร รวมทั้งการแข่งขันวิ่งมาราธอน อีกทั้งภรรยาของเขาก็ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันพุ่งแหลน ครั้งนี้เป็น ครั้งแรกที่สหภาพโซเวียตได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก รวมทั้ง ประเทศไทยก็เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรก เช่นกัน

โอลิมปิก1952

ประวัติโอลิมปิก รวบรวมข้อมูลโดย Educatepark.com

ค.ศ.1956 เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

การแข่งขันครั้งนี้ประเทศที่พิชิตเหรียญทองกีฬาว่ายน้ำได้มากที่สุดคือ ออสเตรเลีย โดยมี ดอว์น เฟรเซอร์ (Dawn Fraser) นักว่ายน้ำหญิงเป็นผู้ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุด เพราะนอกจากพิชิตเหรียญทองได้แล้วยังสร้างสถิติเวลาใหม่และไม่มีผู้ใดทำลายได้ถึง 15 ปี ในการแข่งขันครั้งนี้เหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้กระทบกระทั่งกันระหว่างนักกีฬาจากชาติโซเวียตกับฮังการีในระหว่างการแข่งขัน

ค.ศ.1960 โรม อิตาลี เคสเซียส เคลย์ (Cassius Clay) ชื่อภายหลัง มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali) ยอดนักมวยจากสหรัฐอเมริกา ได้เหรียญทองในรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆเช่น มีการให้ความสนับสนุนในเรื่องการเดินทางทางอากาศแก่นักกีฬา นักกีฬามีการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้มาอย่างเต็มที่ นักกีฬาทุกคนให้ความสำคัญในการได้รับชัยชนะในการแข่งขันอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ สถิติต่างๆ ที่นักกีฬาโอลิมปิกปีก่อนทำไว้ส่วนใหญ่ถูกทำลายในการแข่งครั้งนี้

ค.ศ.1964 โตเกียว ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก การแข่งขันครั้งนี้ มีนักกีฬาดาวรุ่งเกิดขึ้นหลายราย คนแรกคือ Bob Hayes ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จในทีม Dallas Cowboys คนต่อมาคือ โจ เฟรเซอร์ (Joe Frazier) ซึ่งได้เหรียญทองในการแข่งขันชกมวยรุ่นเฮฟวี่เวทในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ และต่อมาได้เป็นแชมเปี้ยนโลกในรุ่นเดียวกัน นักกีฬาที่น่าจับตามองอีกหนึ่งคนคือ อาเบเบ บิกิลา (Abebe Bikila) จากเอธิโอเปียที่ได้หรียญทองจากการแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรก

ค.ศ.1968 เม็กซิโกซิตี เม็กซิโก เป็นการแข่งขันโอลิมปิก ที่จัดขึ้นในละตินอเมริกาเป็นครั้งแรก โอลิมปิกคราวนี้นักกีฬาของสหรัฐอเมริกาแสดงความโดดเด่นในกีฬาประเภทต่างๆ มีสถิติใหม่ๆเกิดขึ้นหลายรายการ เช่น การแข่งขันวิ่ง 100 เมตร โดย Jim Hines วิ่ง 400 เมตร โดย Lee Evans ซึ่งทั้งคู่เป็นนักกีฬาของสหรัฐอเมริกา

โอลิมปิก1968 เป็นการแข่งขันโอลิมปิก ที่จัดขึ้นในละตินอเมริกาเป็นครั้งแรก

โอลิมปิก 1968 เป็นการแข่งขันโอลิมปิก ที่จัดขึ้นในละตินอเมริกาเป็นครั้งแรก

ค.ศ.1972 มิวนิก เยอรมนีตะวันตก โซเวียตมองเห็นช่องทางในการเผยแพร่ลัทธิทางการเมืองของตนโดยอาศัยการแข่งขันโอลิมปิก โดยพยายามที่เป็นผู้นำในการแข่งขัน และโน้มน้าวชาติอื่นๆ ให้เห็นว่าโซเวียตเป็นประเทศมหาอำนาจ ภายหลังพบว่านักกีฬาโซเวียตเป็นนักกีฬาอาชีพที่รัฐบาลว่าจ้างให้เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกครั้งนั้น และยังพบอีกว่านักกีฬาจากสหภาพโซเวียตใช้ยาเสริมกำลัง ในปีนั้นสหภาพโซเวียตสามารถพิชิตเหรียญทองได้ถึง 99 เหรียญ นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ก่อการร้ายขึ้นในกรุงมิวนิค มีความพยายามลักพาตัวนักกีฬาอิสราเอลในการแข่งขันบาสเกตบอลนักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาได้พ่ายแพ้แก่นักกีฬาจากสหภาพโซเวียตเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกจากการแข่งขัน 63 ครั้ง ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ปฏิเสธไม่ขึ้นรับเหรียญเงินในปีนี้นั้นมีนักกีฬาจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขันถึง 122 ประเทศ

ค.ศ.1976 มอนทรีออล แคนาดา สหรัฐอเมริกาโชว์ความสามารถในกีฬาชกมวยด้วยการมีทีมนักกีฬาที่ดีที่สุดได้แก่ Ray Leonard, Leon Spinks โดยสามารถพิชิตเหรียญทองได้และต่อมาได้กลายเป็นแชมเปี้ยนมวยอาชีพ ส่วนในการแข่งขันยิมนาสติก Nadai Comaneci ได้กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่ทำให้ผู้คนหันมาให้ความนิยมในกีฬายิมนาสติกขึ้น

ค.ศ.1980 มอสโก สหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกาไม่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เนื่องจากกรณีที่สหภาพโซเวียตส่งกองกำลังบุกรุกอัฟกานิสถาน ญี่ปุ่นและเยอรมันตะวันตกก็เป็นอีก 2 ประเทศจากทั้งหมด 63 ประเทศที่บอยคอตสหภาพโซเวียตและไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ในปีนั้นจึงมีเพียง 81 ประเทศจากทั่งโลกที่เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งในปีนั้นสหภาพโซเวียตครองเหรียญทองมากที่สุด

ค.ศ.1984 ลอสแอนเจลิส สหรัฐ สหภาพโซเวียตบอยคอตการแข่งขันในปีนี้ ไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ส่วนหนึ่งเพื่อแก้คืนที่สหรัฐอเมริกาไม่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งก่อนที่ มอสโก ในปี 1980 ส่วนหนึ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของนักกีฬาจากประเทศตน แต่บุคคลบางกลุ่มเชื่อว่าสหภาพโซเวียตเกรงว่านักกีฬาของตนจะไม่ผ่าน Drug Test ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกรู้ถึงที่มาแห่งชัยชนะทางการกีฬาของตน นักกีฬาที่มีชื่อเสียงจากการแข่งขันในปีนี้ได้แก่ Carl Lewis จากสหรัฐอเมริกาโดยสามารถครอง 4 เหรียญทองจากการแข่งขัน Mary lou Retton ครองเหรียญทองยิมนาสติกมากที่สุด นอกจากนั้นยังมี Greg Louanis ซึ่งเป็นนักกีฬาคนแรกที่สามารถครองเหรียญทอง 2 เหรียญทองพร้อมกันจากการแข่งขัน Springbroad และ Platform diving

โอลิมปิก 1984

ค.ศ.1988 โซล เกาหลีใต้

หลังจากที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีได้รับเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่10 ปี 1986 ชุน ดูวันหมดวาระจากการเป็นประธานาธิบดีแห่งสาธรณรัฐเกาหลี โรห์ แทวูขึ้นตำแหน่งแทน และได้รับเป็นเกียรติในประธานพิธีโอลิมปิกครั้งที่24 หลังจากนั้นนายผจญ มูลสันคว้าเหรียญทองแดงและได้รับชัยชนะจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น

ค.ศ.1992 บาร์เซโลนา สเปน สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วไปจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1992 ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้แก่ Dream Team ซึ่งในครั้งนั้น Michael Jordan, Magic Jordan, Larry Bird, Charles Barkley, Patrick Ewing, David Robinson, Karl malone และ Scottie เป็นนักบาสเกตบอลที่โดดเด่นมากในทีมสหรัฐอเมริกา ทีมบาสเกตบอลสหรัฐอเมริกาในปีนั้นได้เอาชนะคู่ต่อสู้จากประเทศต่างๆได้อย่างราบคาบภายใต้การนำของ Coach Chuck Dalyนักกีฬาจากประเทศอื่นๆ ที่ได้รับความชื่นชมในการแข่งขันกีฬาปีนั้นเช่น Joynor-Kersee ผู้ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันขันสัตตกรีฑา หญิงในปีนั้นนักกีฬาว่ายน้ำหญิงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สร้างความหวาดผวาให้กับนักว่ายน้ำชาติอื่นๆ ด้วยการชนะการแข่งขันประเภทต่างๆ แบบทำลายสถิติ แต่ในที่สุดก็มีการพิสูจน์ได้ว่านักกีฬาหญิงผู้นั้นได้ใช้ยากระตุ้นกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นกีฬาโอลิมปิกที่ Bracelona ในปี 1992 ถูกเรียกว่าเป็น Money Game เพราะว่านักกีฬาทั้งชายและหญิงต่างทำการแข่งขันเพื่ออะไรก็ตามที่สามารถทำเงินได้ หรือแม้แต่ Jordan ได้ใช้ธงชาติสหรัฐอเมริกาคลุมป้ายผู้สนับสนุนกีฬาอย่างเป็นทางการของทีมบาสเกตบอลสหรัฐอเมริกาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ใช้เป็นบริษัทผลิตรองเท้ากีฬาที่ใช้ชื่อของเขาในการขายสินค้า

โอลิมปิก1992

ค.ศ.1996 แอตแลนตา สหรัฐ การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 26 ปี 1996 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จัดการแข่งขันที่เมืองแอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 ก.ค.-4 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นการครบรอบ 100 ปีของการจัดโอลิมปิกเกมส์ และได้สร้างสถิติการแข่งขันมากมายไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักกีฬา, เจ้าหน้าที่รวมทั้มประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันอีกด้วยสำหรับนักกีฬาไทยที่ส่งไปแข่งขันเมื่อ 4 ปีที่แล้วถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จากการส่งนักกีฬาไป 9 ชนิดกีฬา ซึ่งประเทศไทยได้ฮีโร่กำปั้นคนแรกในประวัติศาสตร์ “สมรักษ์ คำสิงห์” นักชกรุ่นเฟอเธอร์เวต คว้าเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของไทย และว่ากันว่ามีกระแสสมรักษ์ฟรีเวอร์ตามมายาวนานอีกหลายเดือนท่ามกลางความสุขที่แบ่งปันกันไปทุกหนทุกแห่งทั่วฟ้าเมืองไทย

ค.ศ.2000 ซิดนีย์ ออสเตรเลีย การแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 27 ปีนี้จัดที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 15 กันยายน-1 ตุลาคม 2543 ประเทศไทยจะส่งกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน 12 สมาคมกีฬา คือ กรีฑา, ยกน้ำหนัก, เรือพาย, เรือใบ, วินด์เซิร์ฟ, ว่ายน้ำ, แบดมินตัน, เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, วอลเลย์บอล, ยิงปืน และมวยสากลสมัครเล่นจาก 12 ชนิดกีฬาที่ไทยส่งไปแข่งขันครั้งนี้ มีเพียง 2 ชนิดกีฬาที่มีโอกาสมากที่สุดในการลุ้นเหรียญทอง คือ ยิงปืน (เทวฤทธิ์ มัจฉาชีพ) และมวยสากลสมัครเล่นที่คนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักไปที่ สมรักษ์ คำสิงห์ เจ้าของเหรียญทองเมื่อ 4 ปีก่อน

โอลิมปิก2000 ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

ประเทศเจ้าภาพ โอลิมปิก ฤดูร้อน – ประวัติโอลิมปิก

ปี (ค.ศ.) ครั้งที่ เมือง – ประเทศเจ้าภาพ หมายเหตุ
1896 1 เอเธนส์ กรีซ (กรีก)
1900 2 ปารีส ฝรั่งเศส
1904 3 เซ็นต์หลุยส์ สหรัฐ
1906 เอเธนส์ กรีซ (กรีก) จัดพิเศษ
1908 4 ลอนดอน สหราชอาณาจักร
1912 5 สต็อกโฮล์ม สวีเดน
1916 6 เบอร์ลิน จักรวรรดิเยอรมัน ยกเลิกเนื่องจาก WWI
1920 7 แอนต์เวิร์ป เบลเยียม
1924 8 ปารีส ฝรั่งเศส
1928 9 อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
1932 10 ลอสแอนเจลิส สหรัฐ
1936 11 เบอร์ลิน ไรช์เยอรมัน
1940 12 โตเกียว ญี่ปุ่น เปลี่ยนเป็น เฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ยกเลิกเนื่องจาก WW2
1944 13 ลอนดอน สหราชอาณาจักร ยกเลิกเนื่องจาก WW2
1948 14 ลอนดอน สหราชอาณาจักร
1952 15 เฮลซิงกิ ฟินแลนด์
1956 16 เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
1960 17 โรม อิตาลี
1964 18 โตเกียว ญี่ปุ่น
1968 19 เม็กซิโกซิตี เม็กซิโก
1972 20 มิวนิก เยอรมนีตะวันตก
1976 21 มอนทรีออล แคนาดา
1980 22 มอสโก สหภาพโซเวียต
1984 23 ลอสแอนเจลิส สหรัฐ
1988 24 โซล เกาหลีใต้
1992 25 บาร์เซโลนา สเปน
1996 26 แอตแลนตา สหรัฐ
2000 27 ซิดนีย์ ออสเตรเลีย
2004 28 เอเธนส์ กรีซ
2008 29 ปักกิ่ง จีน
2012 30 ลอนดอน สหราชอาณาจักร
2016 31 รีโอเดจาเนโร บราซิล
2020 32 โตเกียว ญี่ปุ่น เลื่อน เนื่องจากโรคโควิด-19
2024 33 ปารีส ฝรั่งเศส
2028 34 ลอสแอนเจลิส สหรัฐ
วิ่งคบเพลิงโอลิมปิก 2020 ประวัติโอลิมปิก

แอนนา โกรากากี นักกีฬายิงปืนหญิงกรีซ จะเป็นผู้ถือคบเพลิงคนแรกในการวิ่งและส่งต่อคบเพลิงไปยังประเทศเจ้าภาพ

แอนนา โกรากากี นักกีฬายิงปืนที่ได้เหรียญทองจากโอลิมปิก 2016 ที่กรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล เป็นผู้ถือคบเพลิงคนแรกหลังจากทำพิธีจุดคบเพลิงที่เทือกเขาโอลิมเปีย ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 1896 ที่ให้นักกีฬาหญิงเป็นผู้ถือคบเพลิงคนแรก ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นนักกีฬาชายมาโดยตลอด

Credits: http://www.olympic.org