Munich – มิวนิคติดอันดับโลกเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุด ในขณะที่ Berlin และ Hamburg ก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเช่นเดียวกัน

เมืองมิวนิคยามค่ำคืน

มิวนิคได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในปีนี้ โดยแซงคู่แข่งอย่างโตเกียวให้ร่วงลงมาได้ 1 อันดับ

นักวิเคราะห์ยอมรับว่าการอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย-Bavaria นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้อาศัยอยู่ที่นั่นได้ใช้เงินพวกเขาอย่างคุ้มค่า พร้อมกล่าวไว้ว่า “โครงสร้างของเมืองนั้นยอดเยี่ยมและมาพร้อมกับเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู” และ “ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติพร้อมทั้งได้ชื่นชมวัฒนธรรม”

อีกทั้งยังกล่าวว่า สระว่ายน้ำสาธารณะของ Munich ที่มาพร้อมกับซาวน่านั้น สังเกตได้ว่า “ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากโรงยิมส่วนตัวชั้นนำเลย”

มิวนิคเป็นเมืองที่มีผู้คน 1.5 ล้านคน และยังมีอัตราการว่างงานแค่ 3.5% อีกด้วย แถมยังแตกต่างจากเมืองอื่นๆที่อัตราเหล่านั้นลดต่ำลงในหมู่คนหนุ่มสาว เศรษฐกิจของมิวนิคนั้นโดดเด่นในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์, เครื่องจักร, IT และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ

โตเกียวและเวียนนานั้นหลุดอันดับลงไปอยู่ที่ 2 และ 3 ตามลำดับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวมากมายในโตเกียว ตามที่ระบุไว้ในภาพรวมการจัดอันดับซึ่งอาจเป็นเพราะโตเกียวนั้นจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ในปี 2020

ยังไงก็แล้วแต่โตเกียว เมืองที่มีผู้คน 9.5 ล้านคนก็ยังคงชนะอันดับนหนึ่งในเรื่องของ “อาหาร, การขายปลีก, การขนส่ง และคุณภาพโดยรวม” และ “การแสดงให้เห็นว่าเมืองที่ใหญ่ไม่จำเป็นจะต้องดูรุนแรงและไร้เอกลักษณ์ของตัวเอง”

เวียนนาและเบอร์ลิน : มีการจัดอันดับที่ทั้งขึ้นและตกลงมา

เวียนนาได้รับการวิจารณ์ว่ามีชั่วโมงของร้านค้าที่จำกัดแต่ยังไงก็แล้วแต่ยังสามารถเป็นที่หนึ่งในเรื่องของ ความสวยงามของบาร็อค, ค่าเช่าราคาไม่แพง, การขนส่งที่ยอดเยี่ยม, อาหาร และชีวิตทางวัฒนธรรม

ซูริคกระโดดขึ้นมาสี่อันดับทำให้อยู่ในอันดับที่ 4 ไป และ Copenhagen ขึ้นมาหนึ่งอันดับทำให้ได้รับอันดับที่ 5 ไป

ปีที่แล้ว มิวนิคและเบอร์ลินอยู่อันดับ 3 ร่วมกัน แต่ขณะที่มิวนิคกระโดดไปอยู่อันดับแรก เบอร์ลินก็ร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 6 สาเหตุหลัก ๆ น่าจะมาจาก สนามบินที่มีความสำคัญนั้น มีค่าใช้จ่ายที่มากเกินและการวางแผนที่ไม่ดี จากการที่สนามบินที่ควรจะเปิดใช้ในปี 2011 แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่มีการคาดหวังว่าจะเปิดให้ใช้บริการก่อนปี 2019

เมืองเบอร์ลิน

รีวิวจากนิตยสาร Monocle เรียกเบอร์ลินว่า “เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าตื่นเต้นที่สุดในโลก” ที่อยู่ภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่เพียงเฉพาะแค่ศิลปะและวัฒนธรรมแต่เป็นในเรื่องของธุรกิจอีกด้วย

สำหรับกรุงมาดริดขึ้นมาสามอันดับทำให้ตอนนี้อยู่อันดับที่ 7 และ ฮัมบวร์กเลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 8

ฮัมบวร์ก – Hamburg : สถานที่จัดแสดงดนตรี Elbphilharmonie

ฮัมบวร์กถูกมองว่ามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านของนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจาก Elbphilharmonie ที่เพิ่งเปิดใหม่ในปี 2017 ปัจจุบันเมืองทางตอนเหนือของแม่น้ำ Elbe แห่งนี้นั้นดีกว่ากรุงเบอร์ลินในเรื่องของการพักค้างคืน

ตอนนี้เมืองฮัมบวร์กนั้นได้มีกฎหมายห้ามใช้ยานพาหนะที่ใช้ดีเซลและกำลังดำเนินการโปรเจ็คการกลับมาพัฒนาอีกหลายๆอย่าง

เมืองเมลเบิร์น (ประเทศออสเตรเลีย) และ เมืองเฮลซิงกิ (ประเทศ Finland) ไม่ติด 10 อันดับแรกในปีนี้

แวนคูเวอร์ – Vancouver เป็นเมืองทางตอนเหนือเมืองเดียวของทางทวีปอเมริกาเหนือที่ไต่อันดับขึ้นมาได้อยู่อันดับที่ 15 “ต้องขอบคุณความสวยงามของธรรมชาติเป็นอย่างมาก”

ดุสเซลดอร์ฟ – Dusseldorf เมืองเล็กๆในเยอรมัน ที่ๆเป็นบ้านของผู้คนประมาณ 600,000 คน ได้รับอันดับที่ 18 ไป ค่าใช้จ่ายการอยู่อาศัยที่ไม่แพง, ภาพศิลปะที่มีชีวิตชีวา และโทรคมนาคมที่เจริญเฟื่องฟูทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่น่าดึงดูด

เมืองดุสเซลดอร์ฟ

ถึงแม้จะมีขนาดที่เล็กแต่ Dusseldorf ก็เป็นเมืองที่มีการโดยสารทางทางสนามบินที่มากที่สุดเป็นอันดับสามในเยอรมนี รองจาก Frankfurt และ Munich อีกทั้งเมืองนี้ยังกำลังดำเนินการเพิ่มคุณภาพระบบขนส่งสาธารณะด้วยเงินมูลค่า €80 ล้าน ($94 ล้าน)

แต่ดุสเซลดอร์ฟเองก็ยังถูกตำหนิว่าเป็นเมืองที่ไม่ค่อยต้อนรับธุรกิจและนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่

 

ที่มาบทความ: https://www.dw.com/en/munich-tops-list-of-worlds-most-livable-cities-berlin-and-hamburg-also-in-top-10/a-44478511

 

หน้าหลัก เรียนต่อเยอรมัน