สัญลักษณ์วันคริสต์มาส
.. The Christmas Wreath ..
พวงมาลัยคริสต์มาสนั้นถูกร้อยด้วยโบสีแดงซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรื่นเริง ในขณะที่ใบไม้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เป็นนิรันดร์ซึ่งจะแสดงถึงความมีศรัทธาต่อวันประสูติของพระเยซู รูปร่างวงกลมของพวงมาลัยเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงมงกุฏหนามที่อยู่บนศีรษะของพระเยซูซึ่งในช่วงเวลานั้นทหารชาวโรมันได้หัวเราะเยาะและล้อเลียนพระเยซูว่าเป็นเสมือนกษัตริย์ของชาวยิว อีกเหตุผลหนึ่งที่มีการใช้พวงมาลัยคริสต์มาสเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองต่อเทพเจ้า BACCHUS ซึ่งผู้ที่ศรัทธานั้นเชื่อว่าพระองค์นั้นได้สวมมงกุฏทรงกลมที่ทำมาจากต้นไอวี่
จุดประสงค์อีกอย่างของพวงมาลัยคริสต์มาสในส่วนที่เป็นสีเขียวนั้น ได้ถูกเชื่อว่าจะสามารถช่วยป้องกันบ้านเรือนจากพวกพลังอันชั่วร้ายได้ ซึ่งช่วงเวลานี้มักถูกคิดว่าเป็นช่วงที่พลังความชั่วร้ายมีมากที่สุดในรอบปี ในช่วงยุคกลางผลสีแดงของต้นฮอลลี่ได้ถูกเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่คอยขับไล่พวกแม่มดให้ออกไปจากบ้าน นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้นฮอลลี่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล และนำความโชคดีมาให้กับผู้ที่จัดทำพวงมาลัย
.. Holly (ต้นฮอลลี่) ..
.. Bells (ระฆังวันคริสต์มาส, กระดิ่งวันคริสต์มาส) ..
เสียงของระฆังนั้นยังมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะตีระฆังเพื่อประกาศให้รู้ถึงการจากไปของผู้ที่ล่วงลับ ยังถือเป็นการบอกถึงการตายของปิศาจ (devil) ที่ถูกพาขึ้นมาโดยการกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้า ระฆังของโบสถ์ยังรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ ‘the Old Lad’s Passing bell’ ซึ่ง Old Lad คือคำสุภาพที่ใช้เรียกซาตาน เมื่อเสียงระฆังดังนั้นยังถือเป็นการขับไล่ภูตผีวิญญาณร้ายที่จะหนีให้ห่างจากเสียงทุกเสียงอีกด้วย
ระฆังคริสต์มาสนั้นมีอยู่หลากหลายชนิดด้วยกัน โดยเราอาจจะได้ยินเสียงในตอนเช้าของวันคริสต์มาส นอกจากนี้ยังถูกนำไปประดับตกแต่งในการ์ดวันคริสต์มาสและบนต้นคริสต์มาสด้วย เหล่าผู้เฉลิมฉลองจะตีระฆังเหล่านี้เพื่อป่าวประกาศถึงงานรื่นเริง เหมือนกับที่ Father Christmas หรือ ซานตา คลอส ทำตอนลากรถเลื่อนเพื่อแจกของขวัญให้กับเด็กดี
.. Poinsettia (ดอก Poinsettia หรือดอกไม้คริสต์มาส) ..
.. The Star (ดาว) ..


สำหรับชาวคริสต์เตียนนั้น ดาวคริสต์มาสถูกสมมติว่าเป็นแบบอย่างของการแสดงออกที่ดีโดยพระเยซูคริสต์ ซึ่งถูกบัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า “the bright and morning star.”
ดาวในความหมายทั่วไปนั้นมีความหมายพิเศษ เหมือนกับว่าดวงดาวเหล่านั้นได้แบ่งที่อยู่กับสรวงสวรรค์ ไม่ว่าจะมีกำแพงอะไรขวางกั้นระหว่างพื้นผิวโลกด้วยก็ตาม
.. Baubles and Apples (เครื่องประดับและแอปเปิ้ล) ..
ส่วนเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ นั้นเชื่อว่าเป็นงานศิลปะที่จำลองจากผลไม้ แต่โดยส่วนใหญ่จะมีสีสันที่สดใสซึ่งมีผลต่อความรื่นเริงในบ้าน โดยเครื่องประดับเหล่านี้สามารถสะท้อนแสงไฟทำให้เกิดการสะท้อนไปมากับแสงเทียนและแสงไฟ ทำให้มีความสวยงาม
.. Christmas Gifts (ของขวัญคริสต์มาส) ..
ประวัติความเป็นมาของการแลกเปลี่ยนของขวัญวันคริสต์มาสนั้นต้องย้อนกลับไปถึงประเพณีการให้ของขวัญในยุคโรมันซึ่งทำกันในเมือง Saturnalia
เมื่อประเพณีดังกล่าวตกมาเป็นของชาวคริสต์ ก็กล่าวกันว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับของขวัญประเภททอง, ยางสนที่มีกลิ่นหอม และ ยางไม้หอม ซึ่งถูกนำมาโดยพวกนักเวทย์จากตะวันออกที่เดินทางมาคารวะ พระเยซูคริสต์ ตอนที่ท่านประสูติ
.. Christmas Rose ..
ดอกคริสต์มาสเดิมที มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษและปัจจุบันนี้ก็สามารถค้นพบดอกคริสต์มาสได้ตามเทือกเขาในทางตอนกลางของยุโรป ดอกคริสต์มาสจะบานในช่วงฤดูหนาว
จากตำนานได้เล่าความเป็นมาของดอกคริสต์มาสนี้ว่า ในช่วงที่พระเยซูประสูติ ผู้รอบรู้ 3 ท่านกับคนเลี้ยงแกะได้เดินทางมาด้วยกันเพื่อเข้าพบกับพระเยซู ระหว่างทางพวกเขาได้พบหญิงเลี้ยงแกะคนหนึ่งชื่อว่า มาเดลอนซึ่งกำลังดูแลแกะของเธออยู่ เมื่อเธอได้เห็นของขวัญที่ทุกคนจะนำมาให้พระเยซู เธอก็เริ่ม น้ำตาไหลเนื่องจากเธอไม่มีสิ่งใดที่จะมอบให้พระเยซู นางฟ้าผู้ซึ่งเฝ้ามองอยู่ เห็นดังนั้นจึงเกิดความเห็นใจ และได้ร่ายมนตร์ทันใดนั้นหิมะก็ถูกกวาดออกไปและได้เสกดอกไม้สีขาวน่ารักและมีสีชมพูอยู่ตรงปลายกลีบ นั่นคือ ”ดอกคริสต์มาส” นั่นเอง
.. Christmas Colors ..
สีที่เกี่ยวข้องในช่วงเทศกาลคริสต์มาสมีหลากหลาย เช่น สีแดงของผลฮอลลี่หรือซานตาคลอส, สีเขียวของต้นไม้, สีทองของเทียนและดวงดาว, สีขาวโพรนของทุ่งหิมะ
สีแดง : เป็นสีที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นมากที่สุดและเป็นสีของเดือนธันวาคม ซึ่งตามสัญลักษณ์ตามศาสนานั้น หมายถึงไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี
สีเขียว : เป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ, ความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งก็เปรียบได้ว่าคริสต์มาสนั้นเป็นเสมือนเทศกาลแห่งความหวังด้วย
สีขาว : คือสัญลักษณ์ทางศาสนา ซึ่งได้แก่ แสงสว่าง, ความบริสุทธิ์, ความสุขและความรุ่งเรือง สีขาวคือสีที่มักจะเห็นบนเสื้อคลุมของนางฟ้าคริสต์มาส, เคราของซานตาคลอส, ริมชายเสื้อสีขาวของชุดซานตาคลอส, หิมะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและสะเก็ดของหิมะ
สีทอง : เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว นอกจากนี้ยังเป็นสีของดาวคริสต์มาส,เครื่องประดับ,เทียน,หลอดไฟ
ครั้งหนึ่งในอดีตชาวคริสเตียนได้มีความคิดที่ว่าพระอาทิตย์นั้นเปรียบเสมือนเป็นเทพเจ้าองค์ใหม่เพราะพระอาทิตย์นั้นส่องแสงสว่างมายังพื้นโลก ศิลปินหลายท่านได้วาดภาพ พระเยซูอยู่ในศูนย์กลางของแสงสว่าง หรือมีแสงสว่างอยู่รอบ ๆ ศีรษะของท่าน
.. Mince Pies (พาย) ..
.. Father Christmas ..
.. Stockings (ถุงเท้า) ..
.. The Chimney(ปล่องไฟ) ..
.. Carol singing ..
ในความหมายของคำว่า carol ในปัจจุบันนั้นมีความหมายที่แตกต่างจากแต่ก่อนมาก ครั้งหนึ่ง carol นั้นเป็นเพลงที่ใช้ในการเต้นรำที่มีการแสดงหลายครั้งต่อปี ผู้คนจะเต้นรำเป็นวงกลมและจับมือกันร้องเพลง
การเต้นดังกล่าวได้เตือนใจให้ผู้ดูการแสดงนึกถึง Coronet (เครื่องประดับทรงกลมคล้ายมงกุฏ) ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า Carol ในที่สุดชื่อการเต้นรำก็ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นบทเพลง Carols ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 Carols จะถูกนำไปใช้ร้องในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น
ต่อมาการขับร้องเพลง Christmas carol จะถูกร้องโดยบาทหลวงและผู้ที่นับถือศาสนาในโบสถ์เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน Christmas carol ก็ได้กลายเป็นที่นิยมของประชาชนโดยทั่วไป และในเวลาต่อมาก็ได้ขับร้องกันตามถนนหนทางและสถานที่ต่างๆ ทั่วไป
** บทเพลง Carol จะบอกเล่าเรื่องราวการกำเนิดของพระเยซูผ่านทางบทเพลง