ของกินสิงคโปร์

banner

นับได้ว่าประเทศสิงคโปร์ มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาอยู่รวมกัน ทำให้เกิดวัฒนธรรมทางด้านอาหารมากมายหลายอย่าง ทั้งเป็นอาหารสไตล์สิงคโปร์ สไตล์มาเลเซีย สไตล์จีน สไตล์อินเดีย ก็มีให้เลือกทานกันมากมายที่ประเทศสิงคโปร์ วันนี้เราลองมาดูเมนูอาหารที่ทางสิงคโปร์มาแนะนำกันครับว่ามีอะไรบ้าง

chicken-rice

ของกินสิงคโปร์

ข้าวมันไก่

ถ้าคุณเห็นไก่ต้มฉ่ำวาวแขวนอยู่เป็นแถวในร้านอาหารข้างทาง นั่นแปลว่าคุณกำลังได้พบกับอาหารประจำชาติของสิงคโปร์ นั่นก็คือ ข้าวมันไก่ไห่หนาน

นอกจากย่านขายอาหารข้างทางทั่วประเทศแล้ว เราสามารถเจอเมนูนี้ในภัตตาคารใหญ่ๆ และคาเฟ่ในโรงแรม ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันออกไป แต่รูปแบบนั้นจะเป็นอย่างเดียวกันคือ ไก่ชิ้นพอดีคำ หรือไก่ทั้งตัวหากคุณมาทานกันเป็นกลุ่มใหญ่ เซิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ และน้ำจิ้มที่มีส่วนประกอบเป็นพริกและขิง

เมนูจานนี้ถูกดัดแปลงมาจากชาวจีนที่อพยพมาในช่วงแรกจากไห่หนาน ชายฝั่งทางใต้ของประเทศจีน ที่ไห่หนานชาวบ้านจะเรียกเมนูนี้ว่า ข้าวมันไก่ wenchang ซึ่งจะใช้เฉพาะไก่ที่ผอม และมีกล้ามเนื้อ เซิร์ฟพร้อมกับข้ามมัน และวางพริกเขียวรอบๆ จาน

ข้าวมันไก่สไตล์สิงคโปร์

วิธีทำนั้นย้อนไปถึงต้นกำเนิดที่ไห่หนาน เริ่มด้วยการนำไก่ลงไปต้มในน้ำเดือดจนกระทั่งสุก ก่อนนำไปจุ่มในน้ำเย็นเพื่อคงสภาพความนุ่มของเนื้อไก่ ไก่สามารถนำไปย่างหรือเคี่ยวในซอสถั่วเหลืองเพื่อให้รสที่แตกต่างออกไปได้ ที่สิงคโปร์ เมนูจานนี้จะสอดแทรกความเป็นจีนกวางตุ้งอยู่ด้วย โดยการใช้พริกสีแดงรสจัดในน้ำจิ้มและใช้ไก่เนื้อนุ่ม อย่างไรก็ตาม ข้าวและน้ำจิ้มจะเป็นตัวตัดสินว่าข้าวมันไก่จานนั้นอร่อยหรือไม่ ข้าวจะต้องหุงด้วยน้ำซุปไก่ ขิง และใบเตยหอม โดยข้าวนั้นจะต้องมีความมันที่พอดี ส่วนน้ำจิ้มก็จะต้องมีทั้งรสเผ็ดและรสเปรี้ยวที่ลงตัว

ร้านแนะนำ

tian tian chicken rice copy

1. Tian Tian Hainanese Chicken Rice at Maxwell

  • Address : 1 Kadayanallur Street, #01-10/11 Maxwell Food Centre
  • Phone : (65) 9691 4852
  • Opening hours : Tue to Sun: 11:00 – 20:00 (or earlier if sold out)
  • GPS : 1.280455, 103.844978

4340778236_2cd846dbeb_b copy

2. Boon Tong Kee Chicken Rice at Balestier

  • Address : 399 /401 /403 Balestier Road, Singapore 329801
  • Phone : (65) 6254 3937
  • Opening hours : Mon – Sat: 11:00 – 16:45, 17:30 – 04:30 Sun: 11:00 – 16:45, 17:30 – 03:00
  • GPS : 1.325549, 103.849890

 

Chilli-Crab

Chilli-Crab2

ปูผัดซอส

ปูคือตัวหลักแต่ซอสคือตัวชูโรง ด้วยรสที่หวานและเผ็ดเล็กน้อยจะทำให้คุณได้รับรสชาติที่น่าพึ่งพอใจอย่างที่สุด รสชาติเหล่านี้จะติดอยู่ทั่วทุกนิ้วในตอนที่คุณแกะปู และเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะอดใจไม่ดูดมันจนเกลี้ยง และคุณต้องลิ้มรสมันอีกครั้งด้วยการจุ่มมันฝรั่งทอดหรือขนมปังนึ่งที่เรียกว่าหมั่นโถวให้ชุ่มซอส รสชาติที่เข้ากันของมะเขือเทศสดๆกับซอสพริกจะเข้มขั้นขึ้นด้วยรสชาติของไข่

ปูผัดซอสเป็นการรังสรรค์เมนูที่ดีที่สุดจานหนึ่งของสิงคโปร์ซึ่งถือเป็นราชาแห่งเมนูปู สามารถหารับประทานได้ตามร้านอาหารซีฟู้ดทั่วไป โดยมักจะใช้ปูทะเลในการประกอบเมนูจานนี้ เนื่องจากมีเนื้อที่หวานและฉ่ำ

กำเนิดเมนูปู

อาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกนี้เริ่มต้นมาจากร้านรถเข็นในปี 1956 โดยสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีได้ลองขอให้ภรรยาปรุงปูด้วยวิธีการอื่นๆที่ไม่ใช่เพียงแค่นึ่งอย่างเดียว

ความพยายามแรกของนาง Cher Yam Tian คือการผัดปูกับซอสมะเขือเทศ และคิดว่ารสชาติจะถูกปากมากขึ้นหากใส่พริกลงไปด้วย พวกเขาขายปูผัดซอสนี้ไปตามแม่น้ำ Kallang จนกระทั่งมีชื่อเสียงมากขึ้น จึงได้เปิดร้านอาหารที่มีชื่อว่า Palm Beach

ภายหลังเชฟชื่อดังที่เปิดร้านอาหาร Dragon Phoenix ได้ปรับเปลี่ยนเมนูจานนี้ด้วยการใช้ซัมบัล ซอสมะเขือเทศ และไข่ในการทำน้ำราดแทนการใช้ซอสพริก และมะเขือเทศแบบขวด ซึ่งกลายมาเป็นรูปแบบที่หาทานได้ทั่วไปในสิงคโปร์

ร้านแนะนำ

long-beach-seafood

1. Long Beach Seafood Restaurant

  • Address : 1018 East Coast Parkway, Next to ECP Burger King
  • Phone : (65) 6445 8833
  • Opening hours : Daily : 11am – 3pm / 5pm – 12.15am Sat & Eves of PH : Till 1.15am
  • GPS : 1.302517, 103.916308

o

2. No Signboard Seafood Restaurant

  • Address : 414 Geylang, Singapore 389392
  • Phone : (65) 6842 3415
  • Opening hours : Daily 12:00 – 01:00
  • GPS : 1.313003, 103.883223

 

Fish-Head-Curry

Fish-Head-Curry

แกงหัวปลา

สำหรับคนขี้กลัวแล้วคงรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นแก้มพองๆ กับลูกตาปลานูนๆท่ามกลางซอสเกรวี่สีแดง แต่สำหรับหลายๆ คนแล้ว นี่คือเมนูน่าลิ้มลองที่ต้องทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ให้ข้าวนั้นฉ่ำไปด้วยน้ำแกงหอมๆ

แกงหัวปลาเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสิงคโปร์ เปรียบเสมือนหม้อที่รวมเอาวัฒนธรรมหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยส่วนผสมที่มีทั้งเครื่องเทศของอินเดียใต้ และหัวปลาที่เป็นอาหารหรูของชาวจีน ทุกๆ เชื้อชาติที่นี่จะมีรูปแบบเมนูจานนี้ที่แตกต่างกันออกไป ด้วยการปรับเปลี่ยนเครื่องแกงเล็กน้อย บางก็ใส่น้ำมะขามเพื่อให้อมรสเปรี้ยว บางก็ใส่กะทิเพื่อให้ความข้นมัน แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกันคือหัวปลากระพงแดงตัวอ้วนแหวกว่ายอยู่ในน้ำเกรวี่รสจัดพร้อมผักเคียงอย่างกระเจี๊ยบเขียว และมะเขือยาว

จุดเริ่มต้นเมนูหัวปลา

แกงหัวปลาถูกคิดค้นขึ้นในห้องครัวของร้านอาหารอินเดียเล็กๆ ในปี 1960 หัวปลานั้นไม่ใช่วัตถุดิบของอินเดีย แต่ใช้เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าชาวจีน เจ้าของร้านอาหารจากอินเดียใต้ รัฐเกรละได้ผสมผสานเแกงอินเดียเข้ากับหัวปลาที่ชาวจีนชื่นชอบ

ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ในปัจจบันเมนูแกงหัวปลานี้อยู่บนเมนูทั้งในร้านอาหารอินเดีย จีน มาเลย์ และเปอรานากัน โดยมักจะเซิร์ฟมาในหม้อดินขณะที่ยังเดือดปุดๆอยู่ ผู้ที่ชื่นชอบปลาจะต้องบอกว่าแก้มคือเนื้อที่ดีที่สุด และตาคืออาหารอันล้ำค่า

ร้านแนะนำ

2015-06-21-11.05.16

1. Ocean Curry Fish Head

  • Address : Blk 92 Toa Payoh Lorong 4 #01-264, 310092, (Toa Payoh)
  • Phone : (65) 6262 2168
  • Opening hours : Mon to Sun: 1100 – 2100
  • GPS : 1.338015, 103.850112

IMG_0950w

2. Muthu’s Curry

  • Address : 138 Race Course Road #01-01, 218591, (Little India Tekka Serangoon Road)
  • Phone : –
  • Opening hours : Mon to Sun: 1030 – 2230
  • GPS : 1.310101, 103.852647

 

Fried-carrot-cake

Fried-carrot-cake1

ผัดเค้ก แครอท

อย่าสับสนกับเค้กแครอทที่เป็นเค้กหน้านิ่มทำจากแครอท และเครื่องเทศแล้วแต่งหน้าด้วยครีม เพราะเค้กแครอทนี้ไม่มีแครอท ไม่มีแม้กระทั่งส่วนประกอบที่เป็นสีส้ม แต่ส่วนประกอบหลักของเค้กนี้คือแป้งข้าว และหัวไชเท้าที่บางคนอาจจะเรียกว่าแครอทขาว ส่วนผสมทั้งหมดจะถูกต้ม และหั่นเป็นทรงลูกเต๋าก่อนนำไปผัดกับกระเทียม ไข่ และหัวไชเท้าดองหรือที่เรียกว่าไชโป้ว

ในภาษาจีนแต้จิ๋วจะเรียกว่า ‘chai tow kway’ ซึ่งเค้กข้าวผัดนุ่มๆ นี้ก็สามารถหาทานได้ตามย่านขายอาหารทั่วไป โดยมีทั้งเซิร์ฟแบบดำ (ผัดกับซีอิ๊วดำ) หรือแบบขาว (ต้นตำรับ)

เค้กข้าวจีน

เมนูธรรมดาๆ จานนี้มีต้นกำเนิดมาจากจังหวัด Chaoshan ทางตอนใต้ของประเทศจีน ที่นั่นจะรู้จักกันในชื่อ ‘chao gao guo’ (ผัดเค้กแป้ง) ที่มีวัตถุดิบหลักคือแป้งข้าว เค้กข้าวจะหมักด้วยน้ำปลาและซีอิ๊วดำจนเข้าเนื้อก่อนจะนำไปผัดกับไข่ หอยนางรม และกุ้ง

เมนูนี้ถูกนำมาที่สิงคโปร์โดยชาวจีนแต้จิ๋ว โดยรู้จักมันในชื่อ ‘char kway’ (ผัดเค้กข้าว) – เค้กข้าวหั่นเป็นลูกเต๋าผัดกับซีอิ๋วดำ

ในปี 1960 แม่ค้าชาวแต้จิ๋วชื่อ Ng Soik Theng อ้างว่าเธอเป็นคนแรกที่เรียกเมนูจานนี้ว่า ‘chai tow kway’ เมื่อเธอได้เริ่มใส่หัวไชเท้าลงไปด้วย และแม่ค้าอีกคนหนึ่งที่ชื่อ Lau Goh เป็นคนที่ทำให้เมนูรูปแบบนี้มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

ร้านแนะนำ

Fu_Ming_Carrot_Cake_x

1. Fu Ming Carrot Cake

  • Address : Blk 85 Redhill Lane #01-49 Redhill Food Centre Singapore 150085
  • Phone : (65) 9641 0565, 6475 8653
  • Opening hours : Mon-Sat 3pm-1am, Sun 6am-1am, closed thu
  • GPS : 1.287414, 103.818741

Untitled-12

2. Ghim Moh Carrot Cake

  • Address : 6 Jalan Bukit Merah, ABC Brickworks #01-140 Singapore 150006
  • Phone : –
  • Opening hours : Early morning-9pm, closed Mon
  • GPS : 1.311092, 103.787842

 

Hokkien-Prawn-Mee

Hokkien-Prawn-Mee

ผัดหมี่กุ้ง ฮกเกี้ยน

ฮกเกี้ยนหมี่ (เส้นก๋วยเตี๋ยว) เมนูหมี่ผัดจานนี้จะแช่มาในน้ำซุปหอมๆ ที่ทำจากกระดูกหมู และหัวกุ้ง หมี่รสชาติติดปากจานนี้มีส่วนประกอบเป็นหมี่เหลือง และหมี่หุ้ง (เส้นหมี่ขาว) กุ้ง ปลาหมึก หมูสามชั้น ไข่ กากหมูที่ทำให้รสชาติทุกอย่างดีขึ้นสุดๆ เซิร์ฟพร้อมกับซัมบัล และบีบน้ำมะนาวลงไปเพื่อรสที่จัดจ้านมากขึ้น อย่างที่ชื่อบอกไว้ ผัดหมี่กุ้งฮกเกี้ยนเป็นเมนูที่คิดค้นขึ้นโดยชาวฮกเกี้ยน แต่ต้นกำเนิดนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก

ตามรอยประวัติศาสตร์ฮกเกี้ยน

บางคนกล่าวว่าแรกเริ่มเดิมทีมันถูกเรียกว่าหมี่โรเชอร์เพราะมีขายครั้งแรกที่ถนนโรเชอร์ ทหารเรือชาวฮกเกี้ยนที่ทำงานในโรงงานเส้นก๋วยเตี๋ยวในยุคหลังสงครามสิงคโปร์จะมามารวมตัวกันที่ถนนโรเชอร์ในตอนเย็นเพื่อผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เหลือจากโรงงานบนเตาถ่าน ในขณะที่คนอื่นๆ เสนอว่าร้านอาหารข้างโรงแรม 7 ชั้นใกล้กับถนนโรเชอร์เป็นคนคิดค้นเมนูนี้

แต่บางคนมองว่าหมี่โรเชอร์เป็นเมนูที่แปลงมาจากชาวเปอรานากันที่มีน้ำเกรวี่มากกว่าและชูรสด้วยซัมบัลที่ถือเป็นรูปแบบในปัจจุบัน ผัดหมี่ฮกเกี้ยนแบบต้นตำรับนั้นจะผัดจนแห้ง และกินคู่กับพริกแดงซอย แต่จะความเชื่อไหนก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือต้องรู้ไว้ว่าคุณสามารถหาผัดหมี่ฮกเกี้ยนทานได้ที่ย่านการค้า และมันก็อร่อยมากเลยทีเดียว

ร้านแนะนำ

img_26931

1. Come Daily Fried Hokkien Prawn Mee

  • Address : #02-27, Blk 127, Toa Payoh Lor 1 Singapore 310127
  • Phone : (65) 6251 8542
  • Opening hours : Tuesday – Sunday: 09:30 – 18:00 Closed on Mondays
  • GPS : 1.338063, 103.845271

nam-sing-hokkien-fried-mee-1

2. Nam Sing Hokkien Fried Mee

  • Address : Old Airport Road Food Centre #01-32 51 Old Airport Road, Singapore 390051
  • Phone : (65) 6440 5340
  • Opening hours : Daily: 07:00 till sold out (Closed on random days)
  • GPS : 1.308344, 103.885593

 

Kaya-Toast

20130314-244331-kaya-kopi-alley-edit

คายา โทสต์

เป็นขนมที่มีรสชาติเข้ากันได้ดีกับ ‘kopi’ (กาแฟ) หรือ ‘teh’ (ชา) เป็นขนมปังแผ่นย่างบนเตาถ่านหรือปิ้งแล้วทาด้วยเนยแข็ง และสังขยา บางคนก็กินแซนวิชโทสต์นี้เป็นมื้อเช้า บ้างก็กินกับชา โดยปกติโทสต์นี้จะกินคู่กับไข่ต้มยางมะตูมสองฟองเยาะด้วยซีอิ๊วดำ และพริกไทย รสเผ็ดหน่อยๆ ของไข่จะช่วยเติมเต็มรสชาติหวานๆของคายาโทสต์ที่กรอบน่าทาน สังขยาที่ละลายในปาก และเนยหอมมัน

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับโทสต์

ขนมจานนี้คิดค้นโดยชาวไห่หนานอย่างผู้ก่อตั้งร้าน Ya Kun Kaya และ ร้าน Kheng Hoe Heng Coffeeshop ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นร้าน Killiney Kopitiam

Ya Kun คือร้านกาแฟเล็กๆ ในปี 1944 เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับขนมปังแผ่นบางกรอบ และสังขยารสเลิศ ส่วนร้าน Kheng Hoe Heng ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1919 เป็นร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ มีชื่อเสียงในเรื่องขนมปังขาวปิ้งสังขยา ภายหลังถูกซื้อต่อไปโดยลูกค้าคนหนึ่งในปี 1993 และเปลี่ยนชื่อร้านเป็น Killiney Kopitiam

แต่กลับเป็นช่วงหลังปี 2000 ที่คายาโทสต์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในสิงคโปร์ เนื่องจาก Ya Kun และ Killiney ได้ขยายสาขาไปยังห้างต่างๆ ตั้งแต่นั้นมาก็มีร้านกาแฟหลายแห่งที่นำคายาโทสต์มาขายด้วย

ร้านแนะนำ

Ya_Kun_Kaya_Toast

1. Ya Kun Kaya Toast

  • Address : 18 China Street, Far East Square #01-01, Singapore 049560
  • Phone : (65) 64383638
  • Opening hours : Mon to Fri 07:30 – 18:30 Sat & Sun 08:30 – 17:00
  • GPS : 1.283616, 103.848875

DSC04317

2. Killiney Kopitiam

  • Address : 67 Killiney Road Singapore 239525
  • Phone : (65) 6734 9648 / 6734 3910
  • Opening hours : Mon, Wed to Sat: 06:00 – 23:00 Tues, Sun & PH: 06:00 – 18:00
  • GPS : 1.298847, 103.839799

 

Laksa

Laksa

ลักซา

ลักซาในสิงคโปร์นั้นมีหลายรูปแบบตั้งแต่ลักซามะขามของปีนังไปจนถึงลักซาแกงของซาราวัก แต่ก็ไม่มีลักซาแบบไหนมีชื่อเสียงเท่าลักซากาตง

ลักซากาตงนั้นทำขึ้นโดยชาวเปอรานากัน (Straits Chinese) ที่อาศัยอยู่ย่านกาตง ลักซามีน้ำซุปรสเผ็ดสีแดงเหมือนตอนพระอาทิตย์ตกดิน ปรุงรสด้วยกะทิ และกุ้งแห้ง แล้วใส่หอยแครง กุ้ง และลูกชิ้นปลา

ลักษณะหนึ่งที่สามารถอธิบายได้ก็คือเส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ขาวหนาๆ ที่ตัดให้สั้นเพื่อง่ายต่อการกินด้วยช้อน ในบางร้านคุณอาจจะได้แค่ช้อนในการกินลักซา เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ตะเกียบเลย

รสชาตนี้เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากจึงทำให้ลักซากาตงได้เดินทางไปยังด้านตะวันออกเพื่อเข้าถึงทุกพื้นที่ของสิงคโปร์ เนื่องจากให้สิทธิร้านขายลักซาต่างๆ สามารถเลียนแบบรสชาติได้

การแย่งพื้นที่

ตลอดหลายปี หลายคนสับสนว่าลักซาแท้ๆ นั้นเป็นแบบไหนกันแน่ เนื่องจากทุกร้านในกาตงก็ต่างอ้างว่าลักซาของตนเองคือลักซาแบบต้นฉบับ

มีลักซาที่มีชื่อเสียงรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า ‘janggut’ โดยตั้งชื่อตามพ่อค้าที่มีขนขึ้นที่ไฝใต้คาง จึงทำให้เขาถูกเรียกว่า ‘janggut’ ที่แปลว่าเคราในภาษามาเลย์ ร้านนี้บริหารโดยครอบครัวของเขา ซึ่งปัจจุบันเปิดอยู่ที่ Queensway Shopping Centre

นอกจากนี้ยังมีร้านขายลักซาอื่นๆ ตามย่านซาตงที่ขายลักซารสชาติแบบเดียวกันที่กลายมาเป็นลักซาแบบสิงคโปร์ ความแตกต่างคือลักซาแบบปกตินั้นจะต้องใช้ตะเกียบในการกินเส้น

ร้านแนะนำ

hdr_00576_1

1. 328 Katong Laksa

  • Address : 328 Katong Laksa 51 East Coast Road Singapore 428770
  • Phone : (65) 9732 8163
  • Opening hours : Daily: 10:00 – 22:00
  • GPS : 1.304997, 103.905612

DSC_4002-Depot-Road-Zhen-Shan-Mei-Claypot-Laksa-(Large)

2. Depot Road Zhen Shan Mei Claypot Laksa

  • Address : Blk 120 Bukit Merah Lane 1, #01-75 Alexandra Village, Singapore 150119
  • Phone : (65) 9088 9203
  • Opening hours : Daily: 08:30 – 15:30
  • GPS : 1.290656, 103.825739

 

Nasi-Lemak

Nasi-Lemak

นาซิ เลอมั๊ก

เมื่อแปลคำว่า ‘nasi lemak’ จากภาษามาเลย์เป็นภาษาอังกฤษ จะได้คำว่า ‘rich rice’ แต่คำว่า ‘rich’ นี้ไม่ได้หมายถึงฐานะแต่เป็นกะทิที่ทำให้มันมีรสชาติที่น่าหลงใหลสุดๆ

เมนูนี้เป็นการผสมผสานรสชาติที่สมบูรณ์แบบที่สุด: ข้าวหอมหุงด้วยกะทิ และใบเตย ทานคู่กับปลาทอด หรือปีกไก่ทอด โอตะก์ (ห่อหมกย่าง) ikan bilisทอด (ปลาแอนโชวี่ท้องถิ่น) และถั่วลิสง ไข่ แตงกวาซอย และซัมบัล (ซอสพริก)

นาซิ เลอมั๊กเป็นเมนูมื้อหลักที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวมาเลย์ รวมถึงชาติอื่นๆ ที่มีนาซิ เลอมั๊กในรูปแบบของตัวเอง ข้าวจะเป็นในลักษณะเดียวกันแม้ว่าบางรูปแบบอาจเป็นสีเขียวที่มาจากใบเตย แต่มันก็คือหนึ่งในเครื่องเคียงที่จะวางแยกกัน

ในแบบของชาวจีน อาจจะมีเครื่องเคียงตั้งแต่น่องไก่ทอด ไส้กรอกไก่ ทอดมันปลา จนไปถึงแกงผัก และ luncheon meat

ร้านแนะนำ

13194146753_02e439e338_b

1. Boon Lay Power Nasi Lemak

  • Address : Boon Lay Place Food Village, 221A/B Boon Lay Place #01-106, 642221, (Boon Lay)
  • Phone : –
  • Opening hours : Mon: 1800 – 0400 Tue to Sun: 0600 – 1500, 1800 – 0400
  • GPS : 1.345775, 103.713746

Untitled-1

2. Latiffa Huri

  • Address : Blk 498 Jurong West Street 52, 648325, (Jurong East)
  • Phone : –
  • Opening hours : Mon to Sun: 0530 – 1500
  • GPS : 1.347023, 103.718370

 

Rojak

Rojak2

โรจั๊ก

โรจั๊กแปลว่า “การผสมผสานที่หลากหลาย” ซึ่งเป็นภาษาพูดของมาเลย์ และแน่นอนว่าเมนูนี้ก็เป็นไปตามชื่อของมัน ส่วนผสมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสิงคโปร์ ด้วยการนำวัตถุดิบที่มีรสชาติโดดเด่น และแตกต่างกันมารวมกันจนเกิดรสชาติใหม่ที่ลงตัว มันคือสลัดที่รวมเอาทั้งผัก ผลไม้ และปาท่องโก๋แล้วราดด้วยน้ำซอสข้นสีดำ โรยหน้าด้วยถั่วลิสงสับ และดอกขิงหั่นชิ้นงามเพื่อเพิ่มรสเผ็ดเล็กน้อย

สิ่งที่เป็นตัวกำหนดโรจั๊กที่อร่อยก็คือ ซอสที่ทำมาจากกกะปิ น้ำตาล น้ำมะนาว และน้ำพริก ให้ได้รสชาติเที่มีทั้งหวาน เปรี้ยว และเผ็ด

ซอสนั้นเป็นการผสมแบบดั่งเดิมในชามไม้โดยช้อนไม้ เมื่อซอสเสร็จแล้วจึงจะใส่วัตถุอื่นๆ ลงไปจากนั้นก็คลุกให้เข้ากัน

วัตถุดิบก็มีผักบุ้ง ถั่วงอก แตงกวา หัวผักกาด ผลไม้รสเปรี้ยวเช่น สับปะรด มะม่วงดิบ ชมพู่ดิบ ปาท่องโก๋ และเต้าหู้ปิ้ง

ประวัติของโรจั๊ก

ไม่มีใครทราบต้นกำเนิดที่แน่ชัดของโรจั๊กเนื่องจากมีอยู่หลายรูปแบบในแถบเอเชีย ซึ่งรวมถึงกาโด-กาโดของประเทศอินโดนีเซียที่ทำจากเค้กข้าว และผักแล้วราดด้วยซอสถั่วลิสง จนถึงโรจั๊กของอินเดียที่ซอสถั่วลิสงมีสีส้ม และใช้จิ้มส่วนประกอบอื่นๆเช่นแป้งโดทอด มันฝรั่ง และปลาหมึกนึ่ง

โดยปกติโรจั๊กจะขายโดยชาวจีน จนถึงปี1920 ก็ยังสามารถพบเห็นคนขายโรจั๊กอยู่ โดยมักจะทำอย่างผิดกฎหมายคือการไปยังระแวกใกล้เคียงด้วยจักรยาน ในปัจจุบันจะเห็นคนขายโรจั๊กอยู่ตามย่านขายอาหารในเมือง

ร้านแนะนำ

Balestier-road-hoover-rojak-1

1. Balestier Road Hoover Rojak

  • Address : Whampoa Wet Market & Food Centre, 90 Whampoa Dr, Singapore 320090
  • Phone : +65 6253 0137
  • Opening hours : Wed to Sun: 10:30–16:00 Close : Mon – Tue
  • GPS : 1.322862, 103.855269

IMG_2908_zps29b1fe60

2. Soon Heng Rojak

  • Address : HDB Hub Gourmet Paradise, 480 Lorong 6 Toa Payoh #B1-01 HDB Hub, Singapore 310480 Read
  • Phone : –
  • Opening hours : Daily, 11:00 – 20:00 (Closed once a month)
  • GPS : 1.332355, 103.848790

 

Roti-Prata

Roti-Prata

โรตี พราตา

กรอบนอก นุ่มใน ทำให้โรตีพราตาเป็นที่ถูกปากในทุกๆ ครั้งที่ได้ลิ้มลอง ขนมปังแบนๆ ฉบับอินเดียใต้นี้ทำด้วยแป้งโดที่นวดจนแบนแล้วปรุงรสด้วยกี (เนยใสของอินเดีย) มักทานคู่กับแกงปลาหรือแกงแกะ

โรตีมีความหมายว่า “ขนมปัง” และพราตาหรือพาราตาแปลว่า “แบน” ในภาษาฮินดี บางคนเชื่อว่าเมนูนี้พัฒนามาจากเมนูแพนเค้กที่มีต้นกำเนิดจากรัฐปัญจาบในอินเดีย แต่หากข้ามไปยังมาเลเซีย ขนมปังแบนนี้จะเรียกว่า โรตีคาไน ซึ่งทำให้บางคนบอกว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากนครเจนไน รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย

แต่ไม่ว่ามันจะมีต้นกำเนิดมาจากที่ใด โรตีพราตาก็เป็นเมนูที่ชื่นชอบในทุกๆ เวลา ในแบบต้นตำรับจะมีแค่แป้งเปล่าๆ หรือใส่ไข่ แต่ในปัจจุบันจะใส่เครื่องที่หลากหลายลงไปเช่น ชีส ช็อกโกแลต ไอศครีม หรือแม้กระทั่งทุเรียน จากเมนูจานหลักจึงกลายมาเป็นของหวาน

แป้งโดที่แตกต่าง

ท่ามกลางร้านขายพราตาในสิงคโปร์ที่หลายๆ ร้านเปิดจนดึกดื่น มีแป้งโดที่ให้สัมผัสแตกต่างกันไปอยู่ ตั้งแต่เหนียวนุ่ม จนไปถึงกรอบแบบสุดๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในระดับกลางๆ ของความกรอบ และนุ่มฟู

ส่วนที่ยากที่สุดในการทำแป้งโดคือการนวดแป้ง ลองดูได้จากคนขายพราตาตอนที่เขาตบแป้งกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งมันบางเป็นแผ่นกระดาษ และขยายใหญ่กว่าเดิม 4-5 เท่า และหลังจากที่เขาพับแป้งเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว เขาก็จะทอดมันด้วยน้ำมันเล็กน้อยบนกระทะทรงแบน

วิธีการกินที่แนะนำคือ กินมันด้วยมือ!

ร้านแนะนำ

9

1. Sin Ming Roti Prata

  • Address : #01-51, Jin Fa Kopitiam, 24 Sin Ming Road, 570024
  • Phone : (65) 64533893
  • Opening hours : Daily: 06:00 – 19:00
  • GPS : 1.355384, 103.837305

85ce364d5d511ca2f452664429385f00_1436839280

2. Mr and Mrs Mohgan’s Super Crispy Roti Prata

  • Address : Poh Ho Restaurant, 7 Crane Road, 429356
  • Phone : (65) 97943124
  • Opening hours : Thu – Mon: 06:30 – 13:30 Closed: Tue, Wed
  • GPS : 1.312558, 103.899677

ขอขอบคุณข้อมูลจากwww.yoursingapore.com