ขั้นตอนการไปเรียนอังกฤษ เรียนภาษาที่อังกฤษ อธิบายขั้นตอนสำหรับผู้สนใจเรียนที่อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตรภาษาอังกฤษ เรียนปริญญาตรี เรียนปริญญาโทที่อังกฤษ พร้อมตัวอย่างเส้นทางการศึกษา

ขั้นตอนการไปเรียนอังกฤษ ขั้นตอนการไปเรียน UK (United Kingdom)

 

ขั้นตอนการไปเรียนอังกฤษ

1.) เลือกสถาบัน หลักสูตร และเมืองที่ต้องการ ในการไปเรียนต่อ หรือ เรียนภาษาที่อังกฤษ โดยวางแผนระยะเวลาเรียน และวันเริ่มเรียนให้เหมาะสม

2.) เลือกประเภทของวีซ่านักเรียนอังกฤษ โดยมี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

(2.1) วีซ่าท่องเที่ยวสำหรับนักเรียน (Student Visitor Visa)
(2.2) วีซ่านักเรียนเทียร์โฟร์ (Student Tier 4 Visa)

* นักเรียนส่วนใหญ่มักเลือกเส้นทาง Student Visitor หรือ Extended Student Visitor เพราะไม่ต้องแสดงผลสอบภาษาอังกฤษในระดับ CEFR B1

** ส่วนนักเรียนที่มีผลสอบภาษาอังกฤษถึงระดับ CEFR B1 จะไป เรียนภาษาที่อังกฤษ ด้วยเส้นทาง Tier-4 เพื่อพัฒนาทักษะภาษาให้ดีมากขึ้น และมีแผนที่จะเรียนต่อที่อังกฤษในอนาคต โดยวีซ่าแบบ Tier-4 สามารถยื่นเรื่องขอต่อวีซ่าที่ประเทศอังกฤษได้

3.) สมัครเรียน หลังจากที่ทราบแล้วว่า ตัวนักเรียนเองจะต้องยื่นขอวีซ่านักเรียน ประเภทใดแล้ว จึงค่อยสมัครเรียน เนื่องจากในใบสมัครจะถามว่า เราจะเลือกขอวีซ่าประเภทใด ประกอบกับหลักฐานการสมัครเรียนก็แตกต่างกันด้วย เช่น ถ้าจะขอวีซ่าแบบ Student Tier 4 จะต้องแนบใบแจ้งผลภาษาให้กับทางโรงเรียนด้วย เช่น ผลสอบ ielts เป็นต้น ซึ่งหลังจากยื่นใบสมัครกับหลักฐานประกอบใบสมัครให้กับทางโรงเรียนแล้ว ก็รอให้ทางโรงเรียน ตอบรับ และส่งใบ Offer กับ Invoice ที่มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายมาให้

4.) ตรวจเอกสาร ในขั้นตอนนี้ นักเรียนจะได้รับ ใบรายการเอกสารที่ต้องเตรียม หรือ Checklist เอกสาร เพื่อจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่ามาให้ทางบริษัทช่วยดูให้ก่อนว่า ครบถ้วนหรือยัง หรือ ขาดตกบกพร่องตรงไหน ซึ่งทางบริษัท จะเช็คให้โดยละเอียดและแจ้งให้นักเรียนทราบหากมีจุดที่ต้องเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อทำให้วีซ่ามี % ผ่านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และในกรณีที่ ทางบริษัทประเมินแล้วว่า โอกาสที่วีซ่าจะผ่านมีน้อย ทางบริษัทก็จะแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ให้

5.) ตรวจสุขภาพ นักเรียนจะต้องตรวจสุขภาพ หากตั้งใจที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 6 เดือน โดยเป็นการตรวจจากหน่วยงาน IOM เพื่อหาเชื้อวัณโรค ซึ่งหลังจากที่ตรวจสุขภาพ และผลออกมาไม่มีปัญหา นักเรียนจะได้รับ ใบรับรอง IOM (Medical Certificate) เพื่อใช้สำหรับยื่นวีซ่า แต่หากตรวจแล้ว ผลไม่ชัดเจน อาจจำเป็นต้องตรวจซ้ำ หรือเพาะเชื้อเพิ่มเติม หรือกรณีที่ตรวจแล้ว พบว่ามีพาหะของวัณโรคอยู่ ก็ต้องรักษาให้หายซะก่อน จึงจะดำเนินเรื่องต่อไปได้

6.) ชำระค่าเรียน ค่าวีซ่า ค่าที่พัก หลังจากที่ผ่านขั้นตอนการตรวจเอกสาร และทางบริษัทประเมินแล้วว่า มีโอกาสที่วีซ่าจะผ่าน ประกอบกับ นักเรียนผ่านการตรวจสุขภาพและได้รับใบรับรองผล IOM (Medical Certificate) มาเรียบร้อยแล้ว หากทางโรงเรียนตอบรับการเข้าเรียนและส่ง Invoice กลับมาให้แล้ว นักเรียนก็สามารถชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ทันที โดยสามารถเลือกได้ว่า จะให้ทางบริษัทเป็นตัวแทนในการชำระให้ หรือนักเรียนจะไปโอนตรงให้กับทางโรงเรียนเองก็ได้ แต่หากเลือกวิธีหลัง หลังจากโอนเงินผ่านธนาคารเรียบร้อยแล้ว นักเรียนต้องส่งสลิปการโอนมาให้ทางบริษัท ทางบริษัทจะได้ดำเนินเรื่องในขั้นตอนต่อไปได้ อาทิเช่น แปลเอกสาร กรอกแบบฟอร์ม และจัดทำชุดเอกสารยื่นวีซ่า เป็นต้น

7.) รอรับเอกสารสำคัญจากสถาบัน หลังจากทางสถาบันที่อังกฤษ ได้รับการยืนยันยอดชำระค่าเรียน ทางสถาบันก็จะดำเนินการออกเอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในการยื่นวีซ่าให้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี

กรณีที่ 1 นักเรียนขอวีซ่านักเรียนอังกฤษประเภท Student Visitor ทางโรงเรียนก็จะจัดส่ง Visa Letter ตัวจริงมาให้
กรณีที่ 2 นักเรียนขอวีซ่าประเภท Student Tier 4 ทางโรงเรียนก็จะออกเอกสาร CAS Statement ที่มี CAS Number ให้

8.) ยื่นวีซ่า – หลังจากที่ได้รับเอกสารสำคัญจากทางโรงเรียน ได้แก่ Visa Letter (กรณีขอวีซ่าแบบ Student Visitor) หรือ CAS Number (กรณีขอวีซ่าแบบ Student Tier 4) เรียบร้อยแล้ว ก็จัดเตรียมเอกสารตัวจริงทั้งหมด ซึ่งทางบริษัทจะเป็นผู้ระบุรายการเอกสารให้ หลังจากนั้นก็นำเอกสารทั้งหมดพร้อมคำร้องไปยื่นวีซ่า ในวันที่นัดหมายไว้ ที่ ศูนย์รับยื่นวีซ่าอังกฤษ (วีเอฟเอสโกลบอล) โดยต้องเดินทางไปด้วยตนเอง เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายภาพใบหน้า (ระบบนี้เป็นระบบเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ ที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประเทศอังกฤษกำหนดไว้ สำหรับผู้ขอวีซ่าทุกคน)

9.) รอผลวีซ่า – ประมาณ 5-15 วันทำการ เมื่อวีซ่าผ่านแล้ว ทางบริษัทจะส่งสำเนาวีซ่าของนักเรียน ให้ทางโรงเรียนรับทราบ ระหว่างนี้ นักเรียนก็เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทาง เช่น จัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็น ชำระค่าตั๋วเครื่องบิน จัดกระเป๋าเดินทาง รวมถึงประเมินน้ำหนักกระเป๋าตามเงื่อนไขของตั๋วเครื่องบินด้วย

10.) วันเดินทาง เช็คเอกสารที่ต้องติดตัวไป เช่น หนังสือเดินทาง Visa Letter (หรือ CAS Statement) หลักฐานเรื่องที่พัก ตั๋วเครื่องบิน เอกสารอ้างอิงอื่น ๆ (ถ้ามี) ให้เรียบร้อย และเดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อ Check-in โดยควรไปก่อนเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย ก็รอเวลาขึ้นเครื่องจากทางสนามบิน และเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษโดยสวัสดิภาพ