ประสบการณ์ที่ 1 การใช้ชีวิตในอเมริกา ดินแดนแห่งการต่อสู้

อเมริกาถึงแม้จะเป็นเมือง ที่เจริญก้าวหน้าในด้าน วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การแพทย์ การศึกษา และอื่นๆ แต่เขาก็มีปัญหาในด้านสังคมวัฒนธรรมและศิลธรรม เหมือนๆกันทั่วทุกประเทศ ในโลกใบนี้ เพียงแต่ เราจะเลือกส่วนไหนมามอง ในแง่ใด อเมริกาเป็นประเทศ ที่มีประชาชน มากกว่า 120 สัญชาติที่รวมกันอยู่ ประมาณ 300 ล้านคน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องประหลาด ที่มีทั้งคนดีคนเลวอยู่ทั่วไป ทุกหนแห่ง แม้แต่บ้านเมืองของเราเอง ก็เช่นกัน แต่เราก็ต้องเลือกการใช้ชีวิต ให้ปลอดภัยที่สุด การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ สำหรับผู้จะไปเริ่มชีวิต พอจะมีข้อแนะนำดังนี้

  1. การแต่งกาย ขอให้กลมกลืนไปกับเขา ดูสิ่งแวดล้อมเป็นที่สังเกตุ
  2. การพกพาเงิน ต้องพกพาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และพกไว้ในที่คิดว่าปลอดภัย มากที่สุด คนอเมริกันส่วนใหญ่ ใช้บัตรแทนเงิน จึงไม่ห่วงเรื่องการจี้ปล้น และบอกได้เลยว่า การจี้ปล้น มีอยู่ทั่วไปในเมืองใหญ่
  3. การถอนเงินจากตู้ ATM ควรถอนเวลากลางวัน และตามตู้ที่ธนาคาร หรือในห้างสรรพสินค้า จะปลอดภัยกว่า ในเมืองใหญ่จะมีพวกจ้อง ขอแบ่งเงินเราเสมอ
  4. การเดินทาง ไม่สมควรผ่านในที่เปลี่ยว หรือมีคนเดินน้อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน จะมีคนคอยจ้องเราอยู่เสมอ จึงต้องระมัดระวังตัวเสมอ ไม่จำเป็นอย่าเดินคนเดียว หากไม่มีทางเลี่ยงก็ต้อง หาทางที่เป็นถนนใหญ่ ห้ามเดินในซอยเล็ก จะปลอดภัยกว่า ทำงานสักพักหนึ่ง ไม่นานนักค่อยหารถใช้ ที่โน่นรถราคาไม่แพง
  5. ห้ามเล่นการพนันเด็ดขาด คนไทยส่วนใหญ่ หมดตัวจากการเล่นพนัน หามาเหนื่อยเกือบตาย เล่นเดี๋ยวเดียวหมด บางคนอ้างว่าเล่นแก้เครียด แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเครียด ไม่มีใครรวยจากการเล่นพนัน นอกจากเจ้าของบ่อนเท่านั้น
  6. การสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ไวตามิน C และ E เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่ต้องซื้อหามาทานไว้ทุกวัน หาซื้อง่ายราคาไม่แพง หากพวกที่เป็นหวัดบ่อยๆ แนะนำให้ไปฉีดวัคซีนกันไว้ ปีละ 1 ครั้ง แพงนิดหน่อย แต่ก็คุ้มกว่าเป็นหวัด เพราะที่โน่น ในวันเดียวกันอาจมีทั้ง 3 ฤดูคือ ร้อน หนาว ฝนตก
  7. อย่าเชื่อคนง่าย ให้ใช้วิจารณาญาณให้มากๆ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นการดี ควรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ การคิดเป็นสิ่งให้เกิดความเห็น การเห็นเป็นเหตุให้เกิดความคิด ต้องคิดให้ปลอดภัยไว้ก่อน
  8. การฝึกใจตนเอง ต้องนึกเสมอว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อย่าหวังพึ่งคนอื่นมากนัก จะผิดหวัง ใน USA.เวลาเป็นสิ่งมีค่ามาก ไม่มีใครจะมาเสียเวลากับเรา ดังนั้นต้องเตรียมใจไว้เสมอ เมื่อพบกับการปฏิเสธ ที่จะให้ความช่วยเหลือที่พร่ำเพรื่อ ทุกคนต้องหาเงินเพื่อชีวิต เราจึงต้องอภัยให้กันและกัน แต่คนดีๆก็ยังมีมากแล้วแต่โชคชตานะครับ เจอคนดีก็ไม่เป็นไร เจอคนจัญไรก็อัปรีย์ นี่ว่ากันตามบทกลอนนะครับ ไม่มีเจตนาว่าใครๆ แล้วจะเล่าให้ฟังอีกในโอกาสต่อไป
  9. การศึกษาเส้นทางการเดินทาง คนที่ไปUSA.ใหม่ๆมักจะกลัวหลงทาง ดังนั้นจึงต้องหาแผนที่ ของเมืองนั้นๆมาศึกษา อย่างละเอียดว่าเราอยู่ตรงจุดใด ศึกษาเส้นทางการเดินรถ เวลาการเดินรถ ทั้งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน ค้นหาได้จาก Internet ใช้ Yahoo ค้นหาจะสะดวกที่สุด อยากหาอะไร ก็พิมพ์ลงไปเดี๋ยวก็จะเจอ ที่โน่นรถเมล์วิ่งตามเวลา คนใน USA.เขาจะรู้เวลาจากตารางการเดินรถ ที่มีแจกฟรีอยู่บนรถเมล์ เขาจะมีที่เสียบไว้ให้คนหยิบ เพื่อศึกษาเส้นทาง คนไทยเราชอบขับรถเองเพราะสะดวกดี เวลาค่ำมืดรถเมล์วิ่งน้อยมาก และไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไรนัก ระหว่างการรอรถและก็ไม่ค่อยมีคนรอเพราะ เสียเวลามากๆ ส่วนรถใต้ดิน มีจนดึกแต่ไม่ควรลง หากเป็นสตรี ไม่ค่อยปลอดภัย ในเวปไซด์ www.mapquest.com จะบอกจุดที่เราอยู่ และทิศทางที่เราจะไป เพียงแต่เราจะต้องรู้ที่อยู่ ที่เราจะไป เข่น 3250 Wilshire Blvd,Los Angeles,CA 90010 ถ้าพิมพ์ไม่ถูก ก็หาไม่เจอนะครับ ดังนั้นเราต้องพึ่ง Internet ให้มากๆโดยเฉพาะนักเรียน ส่วนคนที่ใช้ไม่เป็นหรือหาที่ใช้ไม่ได้ ก็ต้องศึกษาจาก แผนที่และตารางเดินรถ แล้วจะเกิดความมั่นใจ ตอนที่ผมไปที่ Los Angeles ผมซื้อตั๋วใบเดียว ราคา $3 เขาเรียกว่า day pass ขึ้นรถเมล์ได้ทุกสาย ต่อรถใต้ดิน ขึ้นมาต่อรถเมล์ ใช้ได้ทั้งวัน ผมจึงรู้เส้นทางมากมาย และไม่กลัวหลงทางอีกต่อไป
  10. การซื้อรถต่อจากคนอื่น เป็นเรื่องยากสำหรับคนไปใหม่ เพราะอาจโดนหลอกง่าย คงต้องให้คน ที่อยู่USA.นานๆช่วยดูให้ เพราะอาจเจอรถที่ผ่านอุบัติเหตุมา ผ่านใบสั่งมา และยังไม่เคลียร์ หากเราเจอประเภทนี้ จะปวดหัวมาก เพราะต้องเจอค่าประกันรถที่แพงมาก และอาจต้องเสียค่าใบสั่งอีก ที่ USA.ค่าปรับแพงมากเลย โดยเฉพาะใบสั่งเรื่อง speed คือขับรถเร็ว เป็น $100 ขึ้นไป เจอ2อย่างนี้ ก็แย่แล้ว แนะนำให้ซื้อตามแหล่งขายรถ จะปลอดภัยกว่า หรือคนไทยที่น่าไว้ใจได้ตั้งแต่วันที่ 1 July 2007 ทีผ่านมา ตั๋ว day pass ราคาขึ้นเป็น $5 เพราะน้ำมันขึ้นราคา เป็นข้อมูลล่าสุด ค่าเล่าเรียนก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับนักเรียนต่างชาติ จะแบกภาระมากขึ้น จึงแนะนำให้เรียนวิชาชีพ ไปก่อน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Graphic Design หรือ Information System อย่างน้อยกลับมาบ้านเรา ก็มีงานทำแน่นอน จบมาจาก USA. ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว

ประสบการณ์ที่ 2 ค่าครองชีพ

เรื่องค่าครองชีพ ที่อเมริกา สูงมากคะ แต่ละรัฐก็จะแตกต่างกันไป ไม่สามารถบอกได้ แต่รัฐ ที่ เท็กซัส เสีย tax น้อยกว่ารัฐอื่น ๆ

 

ประสบการณ์ที่ 3 การขอหนังสือสำคัญประจำตัวเพื่อใช้แทนหนังสือเดินทาง (C.I.)

เอกสารสำคัญประจำตัวเพื่อใช้แทนหนังสือเดินทาง (C.I.)ใช้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถต่ออายุหนังสือเดินทางได้ทันตามกำหนด สามารถใช้ เดินทางกลับประเทศไทยได้เพียงอย่างเดียว และมีอายุใช้งาน 30 วัน นับจากวันที่ออก

กรณีไม่สามารถแสดงหลักฐานไทยอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ผู้ถืออาจต้องได้รับการพิสูจน์สัญชาติไทยจาก ทางกองตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทยด้วย

เอกสาร / หลักฐานที่จะต้องยื่น ได้แก่

  1. คำร้องขอหนังสือสำคัญประจำตัวเพื่อใช้แทนหนังสือเดินทาง 3 ชุด (มีการรับรองลายเซ็นจาก Notary Public สำหรับผู้ส่งคำร้องทางไปรษณีย์) บันทึกการสอบสวน 3 ชุด
  2. แบบรายงานตัวคนไทยในต่างประเทศ 1 ชุด
  3. เอกสารดังต่อไปนี้
  4. สำเนาทะเบียนบ้าน และ สำเนาบัตรประชาชนไทย (ฉบับถ่ายเอกสาร) 3 ชุด ซึ่งมีหมายเลขประจำตัว 13 หลักของผู้ร้อง
  5. สำเนาภาพถ่ายหรือรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางเล่มเดิม (ถ้ามี) 3 ชุด
  6. สำเนาตั๋วเครื่องบิน 3 ชุด
  7. ใบแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกัน พร้อมสำเนา 3 ชุด ในกรณีที่หนังสือเดินทางหาย
  8. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 4 รูป หน้าตรง แต่งกายสุภาพ สวมเสื้อมีแขน ไม่ใส่สายเดี่ยว ไม่สวมหมวก และแว่นตาดำหรือแว่นสายตาที่สะท้อนแสง ยิ้มไม่เห็นฟัน ฉากหลังสีขาว ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน (ไม่รับรูปจาก Photo Machine) เขียนชื่อนามสกุลหลังรูปถ่าย
  9. ค่าธรรมเนียม 5 ดอลล่าร์สหรัฐ ชำระด้วย Money Order หรือ Cashier’s Check สั่งจ่าย Royal Thai Consulate General, Los Angeles ไม่รับเงินสด เช็คส่วนตัวและบัตรเครดิต

การยื่นคำร้องทางไปรษณีย์

  • ผู้ร้อง และ/หรือผู้ให้ความยินยอม จะต้องไปลงลายมือชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ Notary Public เพื่อรับรอง ลายมือชื่อของบุคคลนั้น ๆ ในแบบฟอร์มรับรองลายมือชื่อ
  • ชำระเงินเป็น Money Order หรือ Cashier’s Check สั่งจ่าย Royal Thai Consulate General,Los Angeles
  • หากประสงค์ให้สถานกงสุลใหญ่ฯ จัดส่งกลับให้ทางไปรษณีย์

กรุณาจัดหาซองติดแสตมป์พร้อมจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเองให้ชัดเจน ติดแสตมป์แบบธรรมดา (ไม่รับ Meter Stamp) ราคา $14.40 (สถานกงสุลใหญ่ฯ จะจัดส่งเฉพาะ Express Mail เท่านั้น)
หมายเหตุ สถานกงสุลใหญ่ฯ ไม่รับผิดชอบกรณีเอกสารสูญหาย ไม่ว่ากรณีใดๆ

วิธีการกรอกข้อความและลงลายมือชื่อในคำร้อง

หน้า 1 : คำร้องขอออกหรือขอต่ออายุหนังสือเดินทาง

– กรอกชื่อ และ นามสกุลให้ตรงตามทะเบียนบ้านไทย หรือหลักฐานไทยที่แสดงสถานภาพล่าสุด และ กรอกรายละเอียดในคำร้องเป็นภาษาไทยให้ถูกต้องและครบถ้วน

– ลงลายมือชื่อและนามสกุล เป็นภาษาอังกฤษ (เป็นลายเซ็นชื่อ ไม่ใช่ตัวพิมพ์) ในช่องมุมบนทั้ง 2 ช่อง ให้อยู่ในกรอบ อย่าให้ชิดกรอบหรือทับเส้นดำให้เหมือนกันทั้ง 2 ช่อง หากลงลายมือชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้ ให้ลงเป็นภาษาไทย หรือ พิมพ์ลายหัวนิ้วแม่มือซ้ายแทน

– ลงลายมือชื่อใต้รูปถ่ายด้านล่างคำร้อง เป็นภาษาไทย หากลงลายมือชื่อเป็นภาษาไทยไม่ได้ ให้ลงเป็น ภาษาอังกฤษ หรือ พิมพ์ลายหัวนิ้วแม่มือซ้ายแทน

หน้า 2 : สัญญายินยอมชดใช้ค่าเสียหายของผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ

– กรอกชื่อผู้เดินทาง (ผู้ร้องขอออก / ต่ออายุหนังสือเดินทาง) และกรอกที่อยู่ในต่างประเทศ ลงชื่อในช่อง “ผู้เดินทาง”

– หากผู้เดินทางเป็นผู้เยาว์ (อายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์) หรือเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ หรือผู้ไร้ความสามารถต้องให้ผู้มีอำนาจให้ความยินยอม (ได้แก่ บิดาและมารดา) ลงลายมือชื่อให้ความยินยอมในช่อง “ผู้ให้ความยินยอม”

– หากผู้ร้องฯ ไม่สามารถแสดงเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ขอให้แจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถแสดงเอกสารดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งแสดงเอกสารอย่างอื่นที่แสดงความเป็นคนไทย เช่น ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของไทย โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ จะพิจารณาอนุโลมเป็นกรณี ๆ ไป

 

ประสบการณ์ที่ 4 Passport หมดอายุในต่างแดนทำอย่างไร

  • ต้องทำ passport เล่มใหม่
  • ต้องเดินทางไปทำ passport เล่มใหม่ ที่สถานกงศุล เพราะว่าต้องพิมพ์ลายนิ้วมือใหม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบ และต้องทำด้วยตัวเอง
  • ขอแนะนำใครที่ตอนนี้ passport ใกล้หมดอายุ เตรียมตัว ทำเลjมใหม่ หรือทำ e-passport
  • เวลาทำการของสถานทูต ชิคาโก

Office hours:09.30 hrs. – 16.30 hrs. (Monday – Friday) Consular service hours: 10.00 hrs. – 14.00 hrs. (Monday – Friday) เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องนัดเวลาล่วงหน้า ถ้าจะไปทำก็ให้มาในเวลาทำการ

ใช้เอกสารดังนี้
  1. สำเนาทะเบียนบ้านหรือบัตรประชาชน
  2. สมุด passport เล่มหมดอายุ
  3. เงินสด 55 เหรียญสหรัฐ

*ใช้เวลาทำประมาณ 30 นาที รับเล่มได้ภายใน 7 สัปดาห์ **หากต้องการกลับเมืองไทยก่อนรับเล่ม ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ จะออกหนังสือรับรองให้