พระเยซู ประวัติพระเยซู พระเยซูคริสต์ พระคริสต์ History of Jesus Christ

พระเยซู ประวัติพระเยซูคริสต์ ผู้สั่งสอนและผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ ให้กับเหล่าผู้ติดตามให้เชื่อในความศรัทธา ความรัก และการให้อภัย ชีวิตของพระเยซูและคำสอนต่าง ๆ นั้นได้นำมาสู่การสร้างศาสนาคริสต์ ซึ่งกลายเป็นศาสนาหลักในโลกของตะวันตก ศาสนาคริสต์มีความนับถือว่าพระเยซูคริสต์นั้นเป็นบุตรของพระเจ้า ในขณะที่ศาสนาอิสลามนั้นเชื่อว่าพระเยซูนั้นเป็นตัวแทนของพระเจ้า

ชีวิตของพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ

พระเยซู

พระเยซูเกิดในเมือง เบธเลเฮม บนแผ่นดินยูเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ปกครองภายใต้กษัตริย์เฮรอด พระเยซูเกิดในครอบครัวของชาวยิว โดยมีบิดาและมารดาก็คือ โยเซฟ และ มารีย์ ตามในพระวารสาร ได้กล่าวว่า การประสูติของพระเยซูนั้นได้เกิดขึ้นที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง โดยได้นำผ้าอ้อมมาพันตัวและนำไปวางไว้ในรางหญ้า หลังจากการประสูติของพระเยซู กษัตริย์เฮดโรดจึงได้ทราบเรื่องที่มีกุมารจะเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวตามดวงดาวได้ถือกำเนิดขึ้น จึงให้ออกไปตามหาเพื่อที่จะสังหารเสีย แต่ทูตสวรรค์ก็ได้มาเตือนโยเซฟ ว่าให้พาพระเยซูและมารีย์นั้นหนีไปอยู่ที่อิยิปต์ก่อนจนกว่าจะปลอดภัย เมื่อกษัตริย์เฮดโรดได้สิ้นพระชนม์ ทูตสวรรค์จึงมาแจ้งกับโยเซฟในความฝัน ให้นำพระเยซูกับมารีย์นั้นกลับมายังแผ่นดินบ้านเกิดที่นาซาเร็ธได้ <<

ในช่วงชีวิตวัยเด็กของพระเยซูนั้น ไม่มีการกล่าวเอาไว้มากนัก ในพระวรสารเองจะเน้นช่วงชีวิตที่พระเยซูทรงประกอบกิจเอาไว้เสียมากกว่า อย่างไรก็ตามมีการกล่าวอ้างว่าพระเยซูทรงยึดมั่นที่จะตามรอยบิดา (โยเซฟ) ด้วยการเป็นช่างไม้ หลาย ๆ คำกล่าวอ้างเองก็อ้างว่า พระเยซูทรงเดินทางไปยังดินแดนของอินเดียและเปอร์เซียเพื่อที่จะเรียนรู้ในความเชื่อก่อนที่จะกลับมาสู่นาซาเร็ธเพื่อประกอบกิจของพระองค์

ในพระวรสารได้กล่าวว่า พระเยซูทรงรับบัพติศมา (การรับบัพติศมาคือการจุ่มตัวลงไปในน้ำแล้วขึ้นจากน้ำ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคนที่ได้ตายจากชีวิตในอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่เพื่ออุทิศตนให้กับพระเจ้า) จากยอร์น (John the Baptist) ที่แม่น้ำจอร์แดน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการประกอบกิจของพระเยซู หลังจากนั้นพระเยซูได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ทะเลทรายเป็นเวลา 40 วัน ซึ่งจะต้องทนกับมารที่เข้ามาก่อกวน และพระเยซูก็ทรงผ่านด่านทดสอบเหล่านั้นมาได้ พระเยซูนั้นมีสาวกของพระองค์ทั้งหมด 12 อัครสาวก และพระองค์ได้มอบหมายงาน และการเผยแพร่ในความจริงและคำสั่งสอนของพระเจ้าต่อไป

การประกอบกิจของพระเยซู เริ่มจากการสั่งสอนแบบสั้น ๆ ได้ใจความ ทำให้ผู้ฟังนั้นสามารถจินตนาการและนึกคิดเองได้ โดยคำสอนที่มีเชื่อเสียงของพระเยซูคือ คำเทศนาบนภูเขา (The sermon on the mount)ประวัติพระเยซู

Blessed are the poor in spirit: for theirs is the kingdom of heaven.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่ขาดในจิตวิญญาณ สำหรับที่ของพวกเขานั่นคือแผ่นดินสวรรค์
Blessed are they that mourn: for they shall be comforted.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่โศกเศร้าเสียใจในเรื่องเหล่านั้น พวกเขาควรได้รับการปลอบโยน
Blessed are the meek: for they shall inherit the earth.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่นอบน้อมถ่อมตน พวกเขาควรเป็นผู้สืบทอด
Blessed are they which do hunger and thirst after righteousness: for they shall be filled.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่หิวกระหาย หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอย่างชอบธรรม พวกเขาควรได้รับการเติมเต็ม
Blessed are the merciful: for they shall obtain mercy.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา พวกเขาควรได้รับความเมตตาเช่นกัน
Blessed are the pure in heart: for they shall see God.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่มีจิตใจที่บริสุทธิ์ พวกเขาควรจะได้พบเจอกับพระเจ้า
Blessed are the peacemakers: for they shall be called the children of God.
ผู้ที่ได้รับพรคือผู้ที่สร้างความสงบสุข พวกเขานั้นควรถูกเรียกให้เป็นบุตรของพระเจ้า

ใจความหลักของคำสั่งสอนของพระเยซูนั้น คือการเน้นที่การให้อภัย และความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ พระเยซูทรงสอนพระสาวกว่า “จงรักศัตรู” และ “เมินเฉยต่อคำดูถูก” พระเยซูได้มีคำสอนอยู่มากมาย และได้ถูกบันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ไบเบิลภาคพัธสัญญาใหม่ โดยได้รวมพระวรสารสี่เล่มแรกเอาไว้อีกด้วย นั่นคือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอร์น

กิจของพระเยซู นอกจากการออกประกาศ การเผยแพร่คำสั่งสอนแล้ว พระเยซูทรงรักษาโรคต่าง ๆ มากมาย มีผู้คนจำนวนมากมาเฝ้าพบพระเยซูเพื่อให้ช่วยในการรักษาโรค เป็นความอัศจรรย์ของพระเยซูที่ทรงช่วงรักษาผู้ป่วย หรือแม้แต่ปลุกคนให้พ้นจากความตาย และในเดือนสุดท้ายของชีวิตของพระเยซูคริสต์ ท่านได้เดินทางเข้าสู่ดินแดนของเยรูซาเลม และได้ทักทายกับผู้ที่มาตอนรับเป็นจำนวนมาก ผู้คนต่างตะโกนว่า “โฮซานนา” (เป็นคำทับศัพท์ภาษากรีก มีความหมายว่า ขอทรงช่วย ให้รอดด้วยเถิด) พระเยซูทรงได้เดินทางเข้าในวิหารหลัก ได้ทำการสอน และรักษาผู้คน และได้ไล่พวกที่กู้ยืมเงินออกไป เนื่องจากพระเยซูมองว่า วิหารนั้นเป็นที่สำหรับการอธิษฐาน ไม่ใช่ที่ขูดรีดผู้คน และทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งนั้นเกิดความเกลียดชัง และต้องการฆ่าพระเยซูพระเยซูคริสต์

พระเยซูได้ล่วงรู้ว่า กำลังจะตาย และถูกทรยศจากหนึ่งในอัครสาวก เมื่อถึงช่วงเทศกาลกินอาหารฉลองปัสกา พระเยซูกับสาวกได้รับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้าย (The Last Supper) ด้วยกัน นั่นก็คือ ขนมปังไร้เชื้อ และเหล้าองุ่น หลังจากมื้ออาหารได้สิ้นสุดลง ยูดาส สาวกผู้ทรยศด้วยเงิน 30 เหรียญเงินได้ออกจากบ้านไป เพื่อไปหาพวกปุโรหิต และพาทหารมาจับพระเยซู ในช่วงเวลานั้น พระเยซูได้อธิษฐานต่อพระเจ้า ทั้งหมด 3 ครั้ง และยูดาสได้พาเหล่าทหารมาจับพระเยซู สาวกทั้งหมดได้รับกิจ และได้พากันหนีไป

พระเยซูถูกพามายังบ้านมหาปุโรหิต มหาปุโรหิตถามพระเยซูว่า ท่านเป็นบุตรของพระเจ้าหรือ พระเยซูตอบว่า ตามที่ท่านนั้นได้กล่ามา นั่นทำให้มหาปุโรหิตนั้นได้ยุยงว่า พระเยซูนั้นดูหมิ่นพระเจ้า สมควรที่จะถูกประหารเสีย พระเยซูได้ถูกนำมายังบ้านของปีลาต ผู้เป็นเจ้าเมือง ซึ่งหลังจากได้รับการไต่สวน ก็ไม่พบความผิดใด ๆ แต่ว่าพวกปุโรหิตก็ยังคงยืนยันในความผิดของพระเยซู เมื่อปีลาตพบว่าพระเยซูนั้นเป็นชาวกาลิลี สมควรที่จะให้เฮโรดเป็นผู้พิพากษา จึงได้นำตัวไปให้ฝ่ายเฮโรด ทางฝ่ายเฮโรดเคยได้ยินเรื่องอัศจรรย์ต่าง ๆ ของพระเยซูมามากมาย จึงหวังจะได้เห็น แต่ท่านกลับนิ่งเฉย จึงดูหมิ่นในพระเยซู และส่งตัวกลับคืนมาที่ปีลาต ถึงแม้จะพิจารณาแล้วไม่มีความผิดอันใด แต่ผู้คนต่างถูกยุยง และอยากให้พระเยซูได้รับการประหาร ทำให้ปีลาต จะใช้ช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่เจ้าเมืองจะปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้กับประชาชน ปีลาตจะให้ผู้คนเป็นผู้ตัดสิน ระหว่าง พระเยซู กับ บารับบัส โจรและฆาตกร ซึ่งผู้คนต่างเห็นพ้องที่จะให้ปล่อยตัวบารับบัส และให้พระเยซูถูกตรึงไว้บนเสา

ปีลาตจำยอมที่จะต้องให้เป็นตามความต้องการของฝูงชน หลังจากที่พระเยซูถูกเฆี่ยน ก็ถูกนำไปตรึงที่ไม้กางเขน ในพระวรสาร “ยอห์น” ได้กล่าวว่า พระแม่มารีย์เอง และสาวกผู้จงรักภักดี ก็อยู่ในลานที่ตรึงกางเขนเช่นกัน โดยพระเยซูได้ฝากสาวกให้ดูแลมารดาไว้ด้วยพระเยซู ถูกตรึงที่ไม้กางเขน

หลังจากนั้นพระเยซูทรงกล่าวด้วยเสียงที่ดังว่า “Father, into your hands I commit my spirit.” พระบิดา ข้าขอฝากจิตวิญญาณของข้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ด้วย จากนั้นพระเยซูก็ได้สิ้นพระชนม์ลง

ในวันที่ตรึงกางเขนนั้น เป็นวันศุกร์ เหล่าประชาชนนั้นไม่ต้องการให้ศพค้างไว้จนถึงวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันสะบาโต จึงได้ขอให้ปีลาตนั้นทุบขาพระเยซู และเอาศพลงมา พวกทหารเห็นว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์แล้ว จึงใช้ทวนแทงสีข้างของพระเยซู ทำให้โลหิตและน้ำไหลออกมาจากร่างกายพระเยซู (ถือเป็นการชำระล้างบาปให้กับผู้คน) หลังจากนั้น โยเซฟแห่งอาริมาเธีย ได้ขอร่างของพระเยซูมา และห่อด้วยผ้าสะอาด และนำไว้ในอุโมงค์จากนั้นกลิ้งก้อนหินขนาดใหญ่ปิดเอาไว้ พวกปุโรหิตต่างขอให้ปีลาตวางยามเอาไว้หน้าอุโมงค์เพราะเกรงว่าสาวกจะมาเอาร่างของพระเยซูไป

พระเยซูทรงรู้อยู่แล้วว่า จะได้กลับมาคืนพระชนม์อีกครั้ง หลังจาก 3 วันผ่านไปพระเยซูได้กลับคืนอีกครั้ง และทรงปรากฏให้เหล่าสาวกและคนจำนวนมากได้เห็น ก่อนจะเสด็จขึ้นสวรรค์

Credit : https://wikipedia.org

กลับหน้าหลัก วันคริสต์มาส เทศกาลคริสต์มาส