ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอก หรือ Olive oil เป็นน้ำมันธรรมชาติที่สกัดจากผลของต้นมะกอก (หรือ ออลิฟ หรือเรียกกันติดปากว่าโอลีฟ (Olive)) ซึ่งเป็นผลที่เพาะปลูกกันมาตั้งแต่โบราณในบริเวณเมดิเตอร์เรเนียน น้ำมันสกัดจากผลมะกอกทั้งลูก ใช้เพื่อทำอาหาร ไม่ว่าจะผัด ทอด ใช้ทำน้ำสลัด หรือทานสด ๆ อีกทั้งยังสกัดใช้ทำเครื่องสำอาง ยา สบู่ น้ำมันตะเกียง พลาสเตอร์ น้ำมันนวด วัสดุอุดฟัน และอื่น ๆ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ ในการใช้ประกอบอาหาร โดยอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นตัวช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin Olive Oil) เชื่อว่ามีคุณสมบัติและประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำมันมะกอกทั่วไป เพราะใช้กระบวนการผลิตที่สกัดน้ำมันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ทำให้คงคุณค่าและสารอาหารทางโภชนาการที่มีประโยชน์ไว้ได้มากกว่าน้ำมันมะกอกที่ผลิตด้วยวิธีอื่น นอกจากกรรมวิธีการสกัดแล้ว ในกระบวนการผลิตน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ อาจเติมสารเคมีจำพวกสารอนุมูลอิสระ เพื่อต้านการหืน เป็นประโยชน์ต่อการเก็บผลิตภัณฑ์ได้นาน แต่อาจทำให้รสชาติไม่ดีเท่าสารสกัดแต่ดั้งเดิม

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก

สารทางธรรมชาติในน้ำมันมะกอกมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย จึงมีการค้นคว้าหาคุณประโยชน์ของน้ำมันมะกอกในเชิงการแพทย์และการรักษา โดยสารสำคัญที่พบในน้ำมันมะกอก ได้แก่ กรดไขมันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ที่จะช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกายลง ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจากระดับไขมันในเลือดสูงอย่างโรคหัวใจด้วย และในน้ำมันมะกอกบางชนิดอาจประกอบด้วยสารพฤกษเคมี ซึ่งมีประโยชน์ในการป้องกันโรคต่าง ๆ ได้

เนื้อหาในหน้าประโยชน์ของน้ำมันมะกอก

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกถือเป็นแหล่งของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด คุณค่าทางอาหารของน้ำมันมะกอกต่อ 100 มิลลิลิตรประกอบไปด้วย

  • พลังงาน/แคลอรี่ : 3,389 กิโลจูล / 824 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 0 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม
  • น้ำตาล 0 กรัม
  • ไขมันอิ่มตัว 12 กรัม
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 72 กรัม
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 7 กรัม
  • คอเลสเตอรอล 0 มิลลิกรัม
  • วิตามินอี 18 กรัม

เราอาจจะคิดว่าน้ำมันที่นำมาประกอบอาหารนั้นอาจจะประกอบไปด้วยไขมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สำหรับน้ำมันมะกอก กลับเปี่ยมไปด้วยสารอาหารชนิดต่างๆ ที่มีประโยชน์มากพอสมควรเลยทีเดียว

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ในภาพรวม

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก สรรพคุณของน้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก (Olive Oil) เป็นน้ำมันธรรมชาติที่เกิดจากการนำเอาผลมะกอกมาสกัดเอาน้ำมัน หากมองดูจากภายนอกน้ำมันมะกอกก็อาจจะเหมือนกับน้ำมันพืชทั่วไป แต่หากเจาะลึกในเรื่องของคุณสมบัติ สรรพคุณ และประโยชน์ของน้ำมันมะกอกแล้วจะเห็นได้ว่ามีประโยชน์มากอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว โดยในปัจจุบันน้ำมะกอกเริ่มเป็นนิยมในการนำมาประกอบอาหารเมนูต่างๆ ใช้ในงานด้านอุตสาหกรรม และใช้ในด้านความงามอย่างแพร่หลาย ซึ่งประโยชน์ของน้ำมันมะกอก มีดังนี้

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก มีส่วนช่วยลดความอ้วน

ผู้อ่านหลายคนอาจจะคิดว่า ผลิตภัณฑ์น้ำมันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอ้วนหรือน้ำหนักขึ้น แต่สำหรับน้ำมันมะกอกแล้ว หากใช้อย่างเหมาะสมสามารถลดความอ้วนลงได้จริง โดยจากงานวิจัยพบว่าผู้ที่บริโภคอาหารที่มีน้ำมันมะกอกร่วมกับการรับประทานอาหารไขมันต่ำ ออกกำลังกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอ สามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้มากกว่าผู้ที่อดอาหารทั่วไป เนื่องจากน้ำมันมะกอกมีส่วนช่วยกระตุ้นสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมไขมัน ทำให้ร่างกายไม่อยากรับไขมันเพิ่มจนทำให้เคยชินและสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าการอดอาหารนั่นเอง

โดยมีการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการช่วยลดน้ำหนักตัวระหว่าง การบริโภคอาหารไขมันต่ำตามมาตรฐานทั่วไป กับ การบริโภคอาหารที่มีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบ ซึ่งทดลองในผู้ที่รอดชีวิตหลังป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมที่มีภาวะน้ำหนักเกินจำนวน 44 ราย หลังการทดลองกว่า 8 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผู้ที่บริโภคอาหารที่มีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบมีน้ำหนักตัวที่ลดลงมากกว่าผู้ที่บริโภคอาหารไขมันต่ำตามมาตรฐานทั่วไป

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ช่วยลดน้ำหนัก

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกต่อผิวหนัง ต่อต้านอนุมูลอิสระ

ภายในน้ำมันมะกอก ประกอบไปด้วยสารไลโคปีน (Lycopene) จำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระและลดสารออกซิเดชัน ทำให้มีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น ผิวหนังอ่อนเยาว์กว่าวัย ริ้วรอยลดเลือน และยังลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย

จากการวิจัยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่มีสารไลโคปีน (Lycopene) ถึงประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ในกลุ่มทดลอง 3 ช่วงอายุ คือ วัยหนุ่มสาว (อายุ 25-30 ปี) วัยกลางคน (อายุ 35-55 ปี) และวัยชรา (อายุ 65-85 ปี) พบว่า การบริโภคน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการต้านอนุมูลอิสระในระบบทางเดินปัสสาวะแก่ผู้ทดลองวัยกลางคนและวัยชรา ในขณะที่น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่มีสารไลโคปีนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการต้านอนุมูลอิสระในระบบทางเดินปัสสาวะให้สูงขึ้นได้ทั้งใน 3 กลุ่มอายุ ซึ่งประสิทธิผลของน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์นี้ อาจช่วยป้องกันหรือต้านทานโรคและการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับภาวะเครียดออกซิเดชันซึ่งสร้างสารอนุมูลอิสระได้ด้วย

วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะกอก ช่วยในการปกป้องหนังกำพร้า ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ช่วยการป้องกันโรคผิวหนัง และลดริ้วรอยเหี่ยวย่น น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันอื่นๆคือ เมื่อทาน้ำมันมะกอกแล้วจะซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งความมันบนผิวหน้ามากนัก แตกต่างกับน้ำมันอื่นๆที่ทาแล้วจะไม่ซึมสู่ผิวแถมยังทิ้งความมันไว้อีกต่างหาก น้ำมันมะกอกสามารถใช้แต้มสิวฆ่าเชื้อโรคได้ หรือจะใช้ร่วมกับครีมบำรุงผิวต่างๆได้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่เช็ดหน้าทำความสะอาดด้วยโทนเนอร์ ทาน้ำมันมะกอกเล็กน้อยจากนั้นทาครีมบำรุงผิวลงไป น้ำมันมะกอกจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมลึกสู่ผิวและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครีมบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้นเข้าไปอีก แต่ควรคำนึงเสมอว่า ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป จึงควรปฏิบัติตามฉลากและสังเกตความผิดปกติ หากต้องการมั่นใจควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

น้ำมันมะกอก ประโยชน์ต่อผิว

น้ำมันมะกอก ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดภาวะไขมันในเลือดสูง

น้ำมันมะกอกประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวอยู่เป็นส่วนมาก โดยมีส่วนช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอล (LDL) ได้ ควบคุมระดับ (LDL) ให้ต่ำลง ช่วยให้ไขมันในเลือดลดลง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดหัวใจรั่ว เป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) และทำให้หัวใจทำงานได้อย่างแข็งแรงยิ่งขึ้น ระบบการหมุนเวียนโลหิตดี

ลดภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือด โดยจากการค้นคว้าวิจัยพบว่า น้ำมันมะกอกสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) แต่ไม่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลง นักวิจัยมหาวิทยาลัยบาร์เซโลนา ค้นพบว่า ผู้ใหญ่ที่ทานน้ำมันมะกอกชนิด Extra Virgin วันละ 5 ช้อนชา ติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์ นอกจากระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือ LDL จะลดลงแล้ว ปฏิกิริยาอ็อกซิเดชั่นของ LDL ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและหัวใจหยุดเต้นยังลดลงอีกด้วย

ควบคุมความดันโลหิต

น้ำมันมะกอกประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 จำนวนมาก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายและร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ โดยมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกายให้ดีขึ้น สารโพลีฟีนอลจะช่วยปรับการทำงานของหลอดเลือดหัวใจของคนที่มีความดันโลหิตสูงให้กลับมาเป็นปกติ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ช่วยรักษาระดับความดันโลหิต

น้ำมันมะกอก บรรเทาอาการท้องผูก

น้ำมันมะกอกมีส่วนช่วยรักษาความผิดปกติในช่องท้องหรือภาวะท้องผูกต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้มีอาการถ่ายอุจจาระไม่ออก ถ่ายไม่สุด อุจจาระเป็นก้อนแข็ง หรือขับถ่ายลำบาก สามารถเลือกรับประทานน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เพื่อแก้อาการดังกล่าวได้ และมีข้อมูลว่า น้ำมันมะกอกช่วยบรรเทาอาการกระเพาะอักเสบ แผลในกระเพาะ และเป็นยาระบายอ่อนๆ ซึ่งการรับประทานน้ำมันมะกอก 1-2 ช้อนโต๊ะ ในตอนเช้าตอนกระเพาะอาหารว่าง จะเป็นผลดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคท้องผูกเรื้อรังด้วย

น้ำมันมะกอก ช่วยลดความเครียด

น้ำมันมะกอกสามารถช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล หรืออาการซึมเศร้าได้ ทำให้ไม่เกิดอาการอ้วนลงพุงจากความเครียด ทำให้จิตใจแจ่มใสร่าเริง อารมณ์ดี และยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการผิดปกติทางจิตได้

น้ำมันมะกอก ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์

ปัจจุบันโรคอัลไซเมอร์เริ่มพบเจอได้บ่อยครั้งขึ้นในทุกวันนี้ แต่หากรับประทานน้ำมันมะกอกเป็นประจำ ย่อมช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลซัลเมอร์ได้ เนื่องจากน้ำมันมะกอกอุดมไปด้วยโอลีโอแคนธัล (Oleocanthal) เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มักหลงๆ ลืมๆ ความจำไม่ดี และต้องใช้ความคิดอยู่เสมอ

สรรพคุณ น้ำมันมะกอก

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก ช่วยลดกลิ่นปาก รักษาสุขภาพปาก ลดอาการปากเหม็น

หากรู้สึกว่าตนเองเริ่มมีกลิ่นปาก ไม่มั่นใจ ลองใช้วิธี กลั้วด้วยน้ำมันมะกอก Extra Virgin Olive Oil 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 1 นาที ให้ทั่วช่องปาก จากนั้นค่อยบ้วนทิ้ง (ให้กลั้วในปาก ซ้ายขวา ซ้ายขวา ห้ามกลั้วคอเป็นอันขาด และระมัดระวังอย่าให้น้ำมันลงไปในปอด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปอดอักเสบ) โดยสามารถทำได้ช่วงก่อนนอน และควรทำความสะอาดฟันด้วยการแปรงฟันให้เรียบร้อยแล้ว หลังกลั้วปากด้วยน้ำมันมะกอกหากรู้สึกแปลกๆ สามารถบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าก็ได้

โดยน้ำมันมะกอกจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกได้ดีขึ้น โดยปกติแบคทีเรียในช่องปากจะขยายพันธุ์ได้ดีมากระหว่างที่เรานอน การกลั้วปากด้วยน้ำมันมะกอกจะไปเคลือบฟัน และลิ้น ช่วยยับยั้งการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียในช่องปากได้ ทำให้ช่วยลดกลิ่นปากได้อย่างอัศจรรย์

สาเหตุที่แนะนำ Extra Virgin Olive Oil เพราะน้ำมันมะกอกประเภทนี้ได้มาจากการบีบเอาน้ำมันออกมาจากมะกอกสด ๆ มีสารโพริเฟนอลที่ช่วยยับยั้งการอักเสบได้ น้ำมันมะกอกแบบ Purified จะไม่มีโพริเฟนอล นอกจากนั้น Extra Virgin Olive Oil ยังมีกลิ่นและรสชาติดีทำให้ง่ายต่อการใช้กลั้วปากเพื่อทำความสะอาด

ข้อควรระวัง ห้ามกลั้วคอด้วยน้ำมันเป็นอันขาด และระมัดระวังอย่าให้น้ำมันลงไปในปอด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปอดอักเสบ ให้กลั้วในปาก ซ้ายขวา ซ้ายขวา โดยใช้ Extra Virgin Olive Oil 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 1 นาที ให้ทั่วช่องปาก จากนั้นค่อยบ้วนทิ้ง ก่อนนอน

วิธีที่คล้ายเคียงกันหลายคนจะรู้จักในชื่อ ออยพูลลิ่ง (Oil Pulling) เป็นวิธีบำบัดโดยการอมน้ำมันไว้และเคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วช่องปากซึ่งใช้น้ำมันที่ทำจากพืชและเป็นน้ำมันที่ไม่ทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น โดยน้ำมันที่ดีต่อการดีท็อกซ์ช่องปากคือน้ำมันที่มีคุณภาพสูง เช่น Extra Virgin Olive Oil หรือสามารถใช้น้ำมันอื่น ๆ ที่มีคุณภาพสูงทัดเทียมกัน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น น้ำมันงาขาว น้ำมัน linseed หรือน้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันแอลมอนด์ เป็นต้น ซึ่งควรศึกษาขั้นตอนและวิธีใช้จากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพราะการอมน้ำมัน หรือกลั้วคอนั้น เสี่ยงต่ออาการปอดอักเสบ ดูคำอธิบายของแพทย์ได้ตามคลิป Youtube

ขอขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากเฟซบุ๊ค JapanSalaryman และท่านสามารถรับชม Infographic ได้ตามลิงค์ข้างต้น

น้ำมันมะกอก ช่วยลดกลิ่นปาก

 

ข้อควรระวัง และความปลอดภัยในการใช้น้ำมันมะกอก

แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณประโยชน์ในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้น้ำมันมะกอก แต่ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันมะกอกและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับน้ำมันมะกอกแม้ว่าจะมีประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกาย แต่ก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ได้ หากนำมาใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป นอกจากนี้ สำหรับใครที่อยากจะนำน้ำมันมะกอกมาบำรุงผิว อาจจะต้องทดสอบอาการแพ้เสียก่อน และควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ

ผู้บริโภคที่ต้องการใช้น้ำมันมะกอกหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกบำรุงสุขภาพในด้านต่าง ๆ ควรศึกษาข้อมูลของส่วนประกอบ ปริมาณการใช้งาน และวิธีการในการบริโภคให้ดีก่อนเสมอ หากมีข้อสงสัย ควรสอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการนำไปใช้หรือการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีภาวะอาการป่วย ควรเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่แพทย์กำหนด ไม่ควรใช้อาหารหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ รักษาอาการป่วยด้วยตนเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์

ข้อควรระวัง ในการใช้น้ำมันมะกอก

ผู้บริโภคทั่วไป น้ำมันมะกอกสามารถรับประทานได้ และไม่ก่อให้เกิดอันตราย หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมโดยสามารถรับประทานน้ำมันมะกอกได้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ (28 กรัม)  ซึ่งเป็นปริมาณ 14% ของแคลอรีทั้งหมดในแต่ละวัน และสูงสุดที่ 1 ลิตร/สัปดาห์

ผู้ที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ ผู้ที่ตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด

 

ประเภทของน้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอก ชนิดใดใช้ทอด น้ำมันมะกอก ชนิดใดใช้ผัด น้ำมันมะกอก ชนิดใดใช้ทาน เพื่อสุขภาพ น้ำมันมะกอก ชนิดใดใช้ทานกับสลัด หาคำตอบได้ที่นี่

ประเภทของน้ำมันมะกอก

1. น้ำมันมะกอก ชนิดบริสุทธิ์พิเศษ เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น (Extra Virgin Olive Oil)

น้ำมันมะกอก เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น จัดเป็นน้ำมันมะกอกที่คุณภาพเยี่ยมที่สุด มีสีเขียวเข้ม รสชาติเหมือนผลมะกอก เหมาะสำหรับการทำซอสพาสต้า และน้ำสลัด หรือใช้ปรุงอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เพราะจะทำให้น้ำมันมะกอกสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการไป และไขมันดีก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันชนิดที่ไม่ดีต่อร่างกายแทน  ซึ่งมีสารสำคัญ ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสูงกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่น ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีหรือความร้อน ใช้วิธีการบีบเอาน้ำมันจากผลมะกอกสด (cold pressing process) ประมาณความเป็นกรดต่ำกว่า 1% รสและกลิ่นมะกอกแรง คุณภาพไม่ได้ขึ้นกับสี ผู้บริโภคบางคนมักจะเข้าใจเอาว่าหากอมสีเขียวน่าจะมีคุณค่า กว่าสีเหลืองหรือสีทองซึ่งเป็นความเข้าใจผิด อันที่จริงคุณค่าไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

ข้อควรระวัง น้ำมันมะกอก เอ็กตร้า เวอร์จิ้น ไม่ควรนำไปทอดหรือโดนความร้อน เพราะอาจเกิดสารก่อมะเร็งได้

น้ำมันมะกอก เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น น้ำสลัด

2. น้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์ดีมาก เวอร์จิน (Virgin Olive Oil)

มีความเป็นกรดต่ำไม่เกิน 1.5% มีคุณภาพรองลงมา เนื่องจากคุณประโยชน์หลายชนิดถูกทำลายด้วยความร้อน กลิ่นและรสก็ด้อยกว่าแบบแรก เหมาะสำหรับการทำอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่นกัน เช่น พาสต้าซอส, และทำน้ำสลัด ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการทางเคมีหรือความร้อน ใช้วิธีการบีบเอาน้ำมันจากผลมะกอกสด (cold pressing process) แต่จะใช้ผลมะกอกที่แก่กว่าน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น ยังถือว่าดีต่อสุขภาพเหมือนกัน แค่ราคาจะถูกกว่าเล็กน้อย

ข้อควรระวัง เช่นเดียวกับน้ำมันมะกอกเอ็กตร้า เวอร์จิ้น น้ำมันมะกอกชนิดเวอร์จิ้น ไม่เหมาะกับการใช้การทอด ผัด หรือปรุงอาหารที่ใช้ความร้อน เช่นกัน

น้ำมันมะกอก ทานสด ๆ

3. น้ำมันมะกอกที่มีการผสม (Olive Oil, Pure Olive Oil)

เป็นน้ำมันที่ผสมผสานกันระหว่าง น้ำมันมะกอกเอ๊กซ์ตร้าเวอร์จิ้น กับน้ำมันมะกอกที่ผ่านกรรมวิธีเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารเข้าไป ทำให้ได้ออกมาเป็นน้ำมันที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ทนความร้อนได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ผัดหรือทอดในระยะเวลาสั้นๆ เช่น ทอดไข่เจียว หรือ ผัดผัก เป็นต้น แต่ก็ยังใช้ทอดนาน ๆ ไม่ได้ เพราะคุณค่าทางสารอาหารในน้ำมันมะกอกจะหายไป กลายเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายเหมือนเดิม

ทอดไข่เจียว น้ำมันมะกอก

4. น้ำมันมะกอกผ่านกรรมวิธี (Refined Olive Oil, Light Olive Oil, Extra Light Olive Oil)

เป็นน้ำมันมะกอก ที่ไม่มีน้ำมันมะกอกเอ๊กซ์ตร้าเวอร์จิ้นผสมอยู่ ยังถือว่ามีคุณค่าทางสารอาหารดี ๆ อยู่บ้าง แต่จากการสกัดเอาสี กลิ่น รส ออกไปโดยผ่านกรรมวิธีทางเคมี และผ่านความร้อน ทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นจำนวนมากไป น้ำมันมีสีอ่อนใส เพิ่มความทนความร้อนได้สูงขึ้น เหมาะสำหรับการทอดนานๆ เช่น ทอดปลา ทอดไก่ เป็นต้น ซึ่งมีราคาค่อนข้างถูก

เหมาะกับการนำไปทอดอาหาร เช่น ทอดหมู ไก่ ปลา แต่ไม่เหมาะกับการนำมาประกอบอาหารที่ใช้ทานทันที เช่น น้ำสลัด หรือการนำไปทานสด ๆ

น้ำมันมะกอก สำหรับใช้ทอด

5. น้ำมันกากมะกอก (Olive Pomace Oil)

มาจากการสกัดเอาน้ำมันออกมาจาก กากมะกอก แล้วนำไปผ่านกรรมวิธีทางเคมี ผ่านความร้อน ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอกเกรดคุณภาพต่ำที่สุด แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภททอดที่ใช้เวลานาน แต่ก็มีค่าไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกายสูงกว่า จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เหมาะสำหรับการนำมาทอดอาหารที่ใช้ความร้อนสูง

คำค้นอื่น  ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกทำน้ำสลัด น้ำมันมะกอกใช้ทอด ไข่ ปลา ไก่ น้ำมันมะกอกใช้ทาน ประเภทของน้ำมันมะกอก คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันมะกอก วิธีเลือกใช้น้ำมันมะกอก

วิธีเลือกใช้น้ำมันมะกอก แบรนด์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

วิธีเลือกใช้น้ำมันมะกอก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงาน อย. | พบแพทย์ | honestdocs

กลับขึ้นไปด้านบน | ไปหน้า เกร็ดความรู้