กฎของ If-Clause เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ตอนที่ 1
If-Clause เป็นกฎที่เรามักจะได้พบเห็นกันบ่อย ๆ ในการเขียนบทความ เขียน SOP หรือการอ่านบทความต่าง ๆ เป็นประโยคเงื่อนไข ที่หลาย ๆ คนมักจะสับสน ซึ่ง Educatepark ได้สรุปกฎของ If-Clause ไว้ทั้ง 3 แบบ ดังนี้ค่ะ
แบบที่ 1
if + present simple tense + will/won’t
หากว่าเหตุการณ์หนึ่งเกิด/ไม่เกิด อีกเหตุการณ์ก็จะตามมา
ตัวอย่าง
- If I stay up late, I will get sick.
หากฉันนอนดึก ฉันจะป่วย - If I buy the concert ticket, I will not join any party in this month
หากฉันซื้อตั๋วคอนเสิร์ตนะ ฉันไม่ไปปาร์ตี้ไหน ๆ เลยในเดือนนี้ - My mother won’t hit me if I tell her my mistake today.
แม่ของฉันจะไม่ตีฉัน หากวันนี้ฉันบอกความผิดของฉันกับเธอ
แบบที่ 2
if + past tense, + would/wouldn’t, might, could
หากเหตุการณ์หนึ่ง (ที่เป็นเรื่องไม่จริง) นั้นเกิด อีกเหตุการณ์ที่คิดเอาไว้ก็น่าจะเกิด เป็นความเป็นไปได้ในเชิงของทฤษฎี
ตัวอย่าง
- If I were a billionaire, I would help the poor.
หากฉันนั้นเป็นเศรษฐีพันล้าน (ซึ่งจริง ๆ ฉันก็ไม่ใช่เศรษฐีพันล้าน) ฉันจะช่วยเหลือคนยากจน - If you were a chef, I would set up the restaurant for you.
หากเธอนั้นเป็นเชฟ (ซึ่งตอนนี้ เธอไม่ใช่เชฟ) ฉันจะสร้างร้านอาหารให้เธอเลยนะ
แบบที่ 3
If + Past Perfect + would have V3
หากเหตุการณ์หนึ่งที่มันไม่เคยเกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน อีกสิ่งหนึ่งก็จะเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นไม่มีทางเกิดขึ้น
(การนำไปใช้: นำไปใช้กับเหตุกาณ์ที่ ตรงข้ามกับความเป็นจริง ณ ตอนนั้น ส่วนมากจะเป็นการรำพึงรำพันเสียดายภายหลัง ณ ตอนนี้)
- If you had studied hard, you would have passed the test.
หากคุณเรียนหนักสักหน่อยนะ คุณก็จะสอบผ่านแล้วล่ะ (ตอนนี้สอบตกค่ะ) - She would not have cried in front of him, if she had listened to us.
เธอจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าเขาหรอกนะ หากเธอนั้นฟังเราน่ะ (ตอนนี้เธอร้องไห้ไปแล้วค่ะ)
กลับไป ตอนที่ 1 กริยา 3 ช่อง
กลับไปหน้ารวมเนื้อหา เรียนภาษาอังกฤษ