ย้อนไปในปี 2553 จุดเริ่มต้นของโครงการศึกษาเกี่ยวกับคนเจนต่อไปของ บริษัท วิจัยทางสังคมและการตลาดในออสเตรเลีย (Mccrindle Research) นำโดย มาร์ก แมคครินเดิล (นักวิจัย นักวิเคราะห์ทางสังคมและนักเขียนที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ) และทีมงาน เกิดข้อสงสัยว่าคนรุ่นต่อจาก “เจเนอเรชั่น ซี” (เจนซี) คือใครกัน จากนั้นจึงได้เริ่มทำการสำรวจในออสเตรเลียเกี่ยวกับชื่อที่จะใช้เรียกคนรุ่นที่เกิดตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นไป และได้ข้อสรุปเรียกว่า “เจเนอเรชั่น อัลฟา” หรือ เจนอัลฟ่า นั่นเอง
เจนอัลฟ่า (Gen Alpha) หรือ เจนเนอเรชั่นอัลฟ่า (Generation Alpha)
เจนอัลฟ่า คือ
- เด็กที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2553 (2010) ถึงประมาณปี พ.ศ. 2568 (2025)
- พ่อเเละแม่ของเด็กยุคนี้จะอยู่ระหว่างช่วง Gen X กับ Gen Y
- เด็กที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่การติดต่อสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด และเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี Touch Screen และ Voice Assistant
- เด็กที่เกิดมาพร้อมกับการมีอุปกรณ์ดิจิทัลที่ทันสมัยใช้ เช่น Smart Phone, Tablet, iPhone, iPad
- เนื่องจากเทรนด์การมีลูกลดน้อยลง การมีลูกเพียง 1 คนเพียงพอแล้วสำหรับบางครอบครัว เด็กเจนเนอเรชั่นอัลฟ่าส่วนใหญ่จึงเข้าถึงทรัพยากรอย่างเช่นเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยไม่ต้องเอาไปหารแบ่งกับพี่น้องคนใดในบ้าน รวมถึงเรื่องดูแลเอาใจใส่เมื่อมีบุตรคนเดียว ย่อมแตกต่างจากในอดีตที่มีลูกหลายคน
- ด้วยเหตุผลตามข้อ 5 ทำให้คาดการณ์ได้ว่า เจนเนอเรชั่นอัลฟ่า จะมีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับเจนอื่น เพราะเทรนด์การมีลูกลดลง
- เด็กในเจนนี้ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับโลกออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดีย
- เรียนรู้สิ่งต่างๆจากโลกอินเตอร์เน็ตผ่านระบบ E-Education
- แอพพลิเคชั่นที่มีอิทธิพลอย่างสูง คือ Youtube ที่ใช้ในการดูคลิปวีดีโอจากผู้สร้างที่สามารถอัพโหลดวีดีโอที่ถ่ายทำด้วยตัวเองได้ โดยจากสถิติมีการอัพโหลดวีดีโอลง ยูทูบสูงมากถึง 100 ชั่วโมงต่อนาที ซึ่งหมายความว่า ภาพ เสียง และวิดีโอ มีอิทธิพลอย่างสูงต่อเด็กในเจนนี้
- การใช้ชีวิตของเด็ก เจนเนอเรชั่นอัลฟ่า จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวกับคอมพิวเตอร์หรือไม่ก็ Smart Phone ในห้อง จะปิดกั้นตัวเองออกจากคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ทำให้ปฎิสัมพันธ์กับคนในบ้านค่อยๆหายไปที่ละนิดเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเด็กสามารถสั่งการได้เองโดยที่ไม่ต้องขอร้องใครผ่านคอมพิวเตอร์
- ข้อมูลต่างๆอยากจะรู้อะไรก็สามารถหาได้จากในอินเตอร์เน็ต
เพื่อให้เข้าใจเจนอัลฟ่า (GEN ALPHA) ได้มากขึ้น ทางหน่วยงาน สสส. ได้แชร์ข้อมูลข้อดี และข้อด้อย ของเจเนอเรชั่นนี้ ไว้ดังนี้
ข้อดี ของเจนอัลฟ่า
- เรียนรู้เร็ว
- ปรับตัวเก่ง
- เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ไม่สิ้นสุด
- ทำทุกอย่างได้แค่ใช้สมาร์ทโฟน
- เด็กไม่ต้องเรียนในระบบก็สามารถจบได้หลายปริญญาสาขาที่สนใจ
- รังสรรค์อาชีพของตนเองได้มากกว่า 3 เป็นได้ถึง 3-4 อาชีพในคนเดียว
ข้อด้อย ของเจนอัลฟ่า
- อดทนต่ำ และมีโอกาสสมาธิสั้นฃ
- มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ต้องสนใจใคร
- ขาดจิตสำนึก ไม่รู้จักการให้
- แยกตัวออกจากสังคม ไม่ผูกพันกับใคร
- ตัวใครตัวมัน เด็กอาจไม่รู้จักว่าคุณธรรมคืออะไร
- มีความเป็น ปัจเจกชนสูง มีความสันโดษ คิดถึงแต่ตนเองมากเกินไป มีความเสี่ยงที่จะเกิดสังคมล่มสลายได้
- หาช่องทางกฎหมาย กฎเกณฑ์ทางสังคม มีเล่ห์เหลี่ยมคิดประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง
- ก่ออาชญากรรมได้ง่าย
ทำไมต้อง เจนอัลฟ่า (Alpha) ถัดจาก เจนซี (Z) บางคนคิดว่าจะกลับไปที่ตัวอักษรเอ (A)
สาเหตุที่ใช้ อัลฟ่า เพราะดูแล้วมีความสมเหตุสมผลมากกว่า ที่ใช้ระบบการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ตัวอักษรกรีกแทนตัวอักษรละติน มันดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง ที่จะกลับไปที่ตัวอักษรเอ (A) เพราะเด็กพวกนี้เป็นเด็กรุ่นแรกที่เกิดในศตวรรษที่ 21 ดังนั้นพวกเขาจึงควรเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ ไม่ใช่การกลับไปสู่สิ่งเก่า
5 ลักษณะนิสัยที่น่าห่วงของเด็ก เจนอัลฟ่า
- ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว (Individualism) เด็กเจนอัลฟ่าสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง อาศัยเทคโนโลยีในการใช้ชีวิต ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น อาจส่งผลให้เกิดปัญหาในการเข้าสังคม และมนุษยสัมพันธ์
- ขาดการปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Less of Human Contact or Relationship) เมื่อสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว การติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นก็น้อยลง แม้แต่ในครอบครัวของตัวเอง เฉกเช่นเดียวกับข้อ 1
- ได้ความรักท่วมท้น (Extreme Coddle) มาจากการที่พ่อแม่ยุคปัจจุบันมีลูกน้อยลง มีหลานน้อยลง ทำให้ทุ่มเทความรักความเอาใจใส่และความหวังไปที่ลูกมากเกินไป ซึ่งบางครั้งอาจกลายเป็นปัญหาได้ (หากมองในมุมเศรษฐศาสตร์ก็คือ การที่คนคนหนึ่งแชร์ทรัพยากรกับคนในครอบครัวน้อยลง) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเครียดของเด็ก ที่ไม่สามารถตอบรับกับความคาดหวังของ ผู้ปกครองได้
- ขาดความยืดหยุ่น (Less of Resilience) การใช้ชีวิตผูกติดกับเทคโนโลยีมากเกินไป ก็อาจทำให้เด็กเจนเนอเรชั่นอัลฟ่า มีพฤติกรรมคล้ายกับหุ่นยนต์ ใช้ชีวิตประจำวันตามโปรแกรมที่พ่อแม่ตั้งให้ไว้ ห่างไกลจากธรรมชาติและสังคม
- คุณธรรมและจิตวิญญาณลดลง (Moral and Spiritual Weakness) เมื่อใช้ชีวิตแบบหุ่นยนต์ความรู้สึกก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกเขาอาจรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอดทนคอยอะไร ไม่ต้องรู้สึกผิดหวัง หรือเสียใจกับเรื่องอะไร
2 ลักษณะนิสัยที่เป็นจุดเด่น น่าสนับสนุนของ เจเนเรชั่นอัลฟ่า
- เชี่ยวชาญเทคโนโลยี (Robust Education Technology Savvy) เทคโนโลยีจะมีบทบาทในชีวิตของเด็กเจนเนอเรชั่นอัลฟ่าเป็นอย่างมาก พวกเขาจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ด้วยเทคโนโลยีและให้ความสำคัญเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
- อาชีพผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Generation) เด็กเจนเนอเรชั่นนี้จะกล้าลองกล้าทำสิ่งใหม่ๆ ทำให้อาชีพส่วนใหญ่ของคนในเจนนี้เป็นการประกอบธุรกิจ
สรุปเจเนอเรชั่น ต่าง ๆ
- เบบี้บูมเมอร์ (Baby Bommers) คือกลุ่มคนที่เกิดระหว่าง ปี พ.ศ. 2489 – 2507 (ค.ศ. 1946 – 1964) ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา อายุประมาณ 56 – 74 ปี เป็นคนมีแบบแผน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา มีความมุ่งมั่น ทุ่มเท ทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความอดทนแม้ความสำเร็จจะใช้เวลานาน มีความจงรักภักดีต่อองค์กร และมักอยู่องค์กรเดิมนานๆ ไม่เปลี่ยนงานบ่อย เป็นยุคที่คนใช้แรงกาย แรงสมองในการทำงานบุกเบิก
- เจเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation X) เป็นกลุ่มที่เกิดระหว่าง ปี พ.ศ. 2508 – 2519 (ค.ศ. 1965 – 1976) มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น Baby Buster, Slacker เป็นกลุ่มที่มีอายุประมาณ 44 – 55 ปี วัยทำงาน ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเท่ารุ่นก่อน ไม่ชอบการผูกมัด เปลี่ยนอาชีพบ่อย เลือกที่จะอยู่เฉยๆ มากกว่า ไม่ต้องการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง มักต้องใช้ชีวิตตามเส้นทางที่รุ่นพ่อวางไว้ให้
- เจเนอเรชั่นวาย (Generation Y) เกิดระหว่าง พ.ศ. 2520 – 2537 (ค.ศ. 1977 – 1994) อายุช่วง 26 ปี ถึง 43 ปี เป็นกลุ่มที่โตมาพร้อม ๆ กับ เทคโนโลยี จึงรับข้อมูลข่าวสารจากหลายๆ ด้าน กล้าแสดงออก และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความเชื่อว่าจะสำเร็จได้ต้องทำงานหนัก หากต้องเลือกจะเลือกงาน ทำให้แต่งงานช้า รักอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบการวางเงื่อนไข มีความเชื่อในศักยภาพตนเอง ติดหนี้ติดสินได้ง่าย นิยมเครดิต ชอบความสะดวกสบายทุกอย่าง
- เจเนอเรชั่นซี (Generation Z) เกิดระหว่าง พ.ศ. 2538 – 2552 (ค.ศ. 1995 – 2009) เกิดและโตมาในยุคเทคโนโลยีและโซเซียลเน็ตเวิร์ค จึงเปิดรับข้อมูลหลากหลายผ่านสื่อดิจิตอล มีทางเลือกเยอะ มีแนวทางอิสระเป็นของตัวเองชัดเจน เริ่มเรียนเร็วขึ้นและนานขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ ด้วยความสนใจเรื่องรอบตัวในหลากมิติ ทั้งเรื่องศิลปะ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และสังคม จึงทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันและโลกแข่งขันทุกอย่าง
- เจเนอเรชั่นอัลฟ่า (Generation Alpha) หรือ เจนอัลฟ่า เกิดระหว่าง พ.ศ. 2553 – 2568 (2010 – 2025) เป็นรุ่นลูกของ Gen Y และ Z วัยนี้กำลังเป็นเด็กอนุบาลที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีอายุมาก มีลูกน้อย มีเงินทองที่ไม่ต้องดิ้นรนมากเท่ารุ่นอื่น จับอุปกรณ์ดิจิตอล สัมผัสเทคโนโลยีตั้งแต่เกิด เรียนกันมาก นานและหลากหลาย อยู่กับสังคมทุนนิยม มีแนวโน้มเป็นคนวัตถุนิยม คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง เบื่อง่ายและความอดทนต่ำ นิยมความรวดเร็วทันใจ จึงมองหาสูตรความสำเร็จที่จะทำให้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com และ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นพ.สุริยเดว ทรีปาตี
https://mccrindle.com.au/