เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ดูไบเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ตั้งอยู๋ทางภาคเหนือของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ  4,000 ตารางกิโลเมตร  ดูไบถือเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ ถูกพัฒนามาจากดินแดนทะเลทราย มาสู่เมืองแห่งความล้ำสมัยในการค้า บริการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจอีกด้วย  

Photo Credit : https://www.govivigo.com

ความเป็นมาของเมืองดูไบ

ในปี 1833 ชนเผ่า Bani Yas tribe ประมาณ 800 คน นำโดยตระกูล Maktoum ซึ่งยังปกครองประเทศอยู่ในปัจจุบัน ได้อพยพมาตั้งหลักแหล่งบริเวณปากอ่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นท่าเรือ ที่อุดมสมบูรณ์จึง ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าทางทะเล รวมทั้งการทำประมงและการทำฟาร์มไข่มุก หลังจากนั้นในปีศตวรรษที่ 20 ดูไบก็กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกที่สำคัญ โดยมีซุก (ชื่อเรียกของตลาดบริเวณตะวันออกกลาง) ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า Diera ต่อมาปี 1966 ดูไบกลายมาเป็นรัฐมหาอำนาจรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากที่มีการค้นพบน้ำมันดิบ ทำให้เมืองโบราณอายุสองพันปี กลายเป็นเมืองทันสมัยในพริบตา ด้วยโครงการ The Palm ที่เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งทะเล ให้กลายเป็นแหล่งความเจริญทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ท ต่างๆ ด้วยงบลงทุนประมาณสามพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

Photo Credit : https://www.tlcthai.com/travel.com

การค้าขายในดูไบประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และอินเดียมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้าขายในประเทศได้ แต่ขณะที่การค้าขายเจริญมากขึ้น ฐานะทางการปกครองของดูไบก็ยังคงเป็นแค่รัฐในอารักขาของอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งบนพื้นที่ทางตอนเหนือของชายฝั่งของคาบสมุทรอาระเบีย ดังนั้น ภายหลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ในปี 1971 ดูไบพร้อมด้วยอีกหลายรัฐ ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และถัดจากนั้นในช่วงยุค 1980-1990 ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย เพื่อรณรงค์ให้ดูไบเป็นประเทศท่องเที่ยวเชิงคุณภาพต่อไป

จำนวนประชากร 
ดูไบมีประชากรทั้งหมดประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งร้อยละ 85 ของประชากรเป็นชาวต่างชาติ

ศาสนา 
ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 85% ศาสนาคริสต์ ประมาณ 35% และศาสนาพุทธ ประมาณ 25%

 

Photo Credit : https://www.dooddot.com/

ภาษา 
ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ แต่ภาษาอังกฤษก็เป็นภาษาที่ถูกใช้มากเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในธุรกิจ การศึกษา การค้าและการท่องเที่ยว ป้ายตามถนน ร้านอาหาร เมนูร้านอาหาร ข้อมูลการท่องเที่ยวมีทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยยังสอนเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย

ระบบเงินตรา
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใช้สกุลเงิน คือ Dirham (AED) โดย 1 AED : 8.62 บาท อัตราแลกเปลี่ยนณ วันที่ 12 มีนาคม 2563

 

Photo Credit : https://blog.headout.com

ระบบขนส่ง
ระบบการขนส่งในดูไบมีให้เลือกกันทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ การขนส่งทางบกและทางทะเล

  1. การขนส่งทางบก ได้แก่ buses, metro (รถไฟฟ้าใต้ดิน), taxis และ tram system (รถราง)
  2. การขนส่งทางทะเล ได้แก่ water taxis, waterbuses และ ferry

[divider top=”no” divider_color=”#2e8730″ link_color=”#2e8730″]

วัฒนธรรม
วัฒนธรรมในดูไบมีรากฐานมาจากประเพณีอิสลามซึ่งเป็นรูปแบบการดำเนินชีวิตของพวกเขา มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เมื่อนักท่องเที่ยวไปดูไบพวกเขาจะต้องเคารพและประพฤติตนอย่างเหมาะสม เช่น

  • การดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จำกัด โรงแรมบาร์หรือไนต์คลับ การดื่มขณะขับรถหรือในที่สาธารณะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
  • การแต่งกายด้วยชุดแบบดั้งเดิมที่ได้รับอิทธิพลมาจากความเชื่อของอิสลาม ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ dishdasha หรือ khandura (เสื้อเชิ้ตสีขาวยาว) กับ ghutra (ผ้าโพกศีรษะสีขาว) และ agal (เชือกที่สวมใส่เพื่อให้ ghutra ในสถานที่) ผู้หญิงเอมิเรตส์มีแนวโน้มที่จะสวมอาบายา (เสื้อคลุมสีดำยาว) ซึ่งสวมทับเสื้อผ้าแบบอนุรักษ์นิยมด้วย sheyla หรือฮิญาบ
    (ผ้าพันคอที่ใช้พันรอบใบหน้าและศีรษะ) แต่ชาวต่างชาติควรแต่งตัวให้มิดชิด เช่น กางเกงขายาวหรือกระโปรงยาว
  • ไม่ควรถ่ายรูปผู้คนโดยไม่ได้ขออนุญาต
  • เมื่อถึงช่วงถือศีลอด ร้านเหล้าหรือไนต์คลับจะบริการเหล้าถึงแค่ 19.00 เท่านั้น
  • ไม่สามารถแสดงความรักในที่สาธารณะได้ เช่น การจูบ การเดินจับมือกัน การกอด ถือว่าผิดกฏหมายเช่นเดียวกับการสบถ การแสดงอากัปกิริยาที่หยาบคาย
  • ไม่ควรแสดงออกว่าคุณเป็นเพศที่สาม ยังไม่เปิดรับเพศที่สามเท่าไหร่ ผู้ชายเข้าห้องน้ำหญิงไม่ได้ ผู้หญิงก็ห้ามเช่นกัน
  • ในดูไบการให้ความปลอดภัยสำหรับเพศหญิงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในสถานที่ของรัฐ ธนาคาร จะมีแยกคิวหญิงกับชาย เช่นกันกับรถไฟใต้ดิน จะมีขบวนแยกเฉพาะผู้หญิง

Photo Credit : https://www.iam-tour.com/country_info/

การแต่งกาย
สามารถแต่งกายตามความชอบของตัวเองได้แต่ต้องคำนึงถึงความสุภาพ ไม่วาบหวิวจนเกินไป หน้าร้อนสามารถใส่เสื้อผ้าบางเบา หน้าหนาวใส่เสื้อแจ็คเก็ตหรือเสื้อกันหนาวได้ สำหรับบิกินี ชุดว่ายน้ำหรือชุดที่วาบหวิวใส่ได้เฉพาะบริเวณชายหาดหรือสระว่ายน้ำเท่านั้น

Photo Credit : https://www.dubai-online.com/essential/weather/

สภาพภูมิอากาศ
เดือนที่ถือเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนมากที่สุดคือ มิถุนายนถึงกันยายน อุณหภูมิสูงถึง
45 ° C ส่วนเดือนที่มีอากาศเย็นคือ เดือนธันวาคมถึงมีนาคม ดูไบมีฝนตกน้อยมาก แต่เมื่อไรที่ฝนตกอากาศก็จะเย็นในช่วงเดือนนั้นๆ

[divider top=”no” divider_color=”#DC143C” link_color=”#DC143C”]

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

1.  Dubai Marina

Dubai Marina

Dubai Marina เป็นหนึ่งย่านสถานที่ท่องเที่ยวในดูไบที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยว อยู่ในคลองเทียมที่สร้างขึ้นตามแนวฝั่งของอ่าวเปอร์เซีย มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร รอบด้านของดูไบมารีน่าเต็มไปด้วยตึก คอนโดมีเนียมที่อยู่อาศัยใจกลางกรุง  และเป็นอ่าวจอดเรือของดูไบที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ พัฒนาโดยบริษัท Emaar Properties  ซึ่งบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยเรือยอร์ชหรูหราของเหล่าเศรษฐีดูไบจอดเทียบอยู่ที่ท่าเรือ นอกจากดูไบมารีน่าจะเป็นอ่าวจอดเรือแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของดูไบ เพราะมีวิวทิวทัศน์ของตึกระฟ้าที่แสดงถึงความรุ่งเรืองและบรรยากาศความรวยของเมืองบ่อน้ำมัน และยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งประจำท่าเรือที่เต็มไปด้วยสินค้าเอาท์เล็ท ครอบคลุมพื้นที่กว่า 390,000 ตารางฟุต

 

2. Dubai Creek

Dubai Creek

Dubai Creek คือเวิ้งน้ำทะเลธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียที่แบ่งเมืองออกเป็นสองส่วน เป็นที่ที่คุณจะสามารถล่องเรือ Abra ชมคลองแห่งนี้ได้ ซึ่งคลองนี้เป็นคลองที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของดูไบ คุ้มค่ากับการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้ในราคาเพียง 1 AED หรือประมาณ 9 บาท ซึ่งในตอนเย็นการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้จะยิ่งมีสีสัน บรรยากาศความเป็นประเทศอาหรับมากขึ้นด้วยเสียงสวด และอีกด้านคุณจะได้กลิ่นของเครื่องเทศจากตลาดดูไบ สามารถซื้อของฝากต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นเทียนหอม เครื่องเทศ หรืออื่น ๆ ที่มีเฉพาะดูไบ

 

3. Plam Island

Plam Island

สุดยอดโปรเจคโดยการถมทะเล ให้เป็นเกาะเทียมสร้างเป็นรูปต้นปาล์ม 3 เกาะ บนเกาะมีที่พักโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ตเม้น ร้านค้า ภัตตาคาร รวมทั้งสำนักงาน ต่าง ๆ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก นำคุณชื่นชมความสวยงามของภูมิประเทศ และบรรยากาศรอบ ๆ โรงแรมนี้ Palm Island เป็นโครงการมหัศจรรย์ที่คิดค้นสำหรับรองรับการอยู่อาศัยในอนาคต สร้างโดยการนำทรายมาถมทะเลเป็นเกาะเล็กๆ รวม 301 เกาะ รูปร่างหากมองจากด้านบนรูปต้นอินทผลัม (The Palm) และ โครงการ The World จะเห็นเป็นรูปแผนที่โลก

 

4. Global Village

Global Village

เยี่ยมชมมหกรรมวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาหรับ ภายในจะมีกิจกรรม อาทิเช่น ช้อปปิ้ง ความบันเทิงกลางแจ้ง และกิจกรรมที่มีสีสันตามช่วงเทศกาลต่าง ๆ โดยมีประเทศที่เข้าร่วมออกร้านกว่า 70 ประเทศ นำเสนอในพาวิลเลี่ยนกว่า 36 จุด นอกจากนั้นยังมีเครื่องเล่นสวนสนุกกว่า 50 อย่าง รวมทั้งร้านอาหาร 26 ร้าน ในเมนูอาหารจากทั่วโลกอีกด้วย โดยจะเปิดบริการ 16.00 – 00.00 น.

 

5. Dubai Miracle Garden

Dubai Miracle Garden

จุดเด่นของสวนดอกไม้ในปีนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ดูไบ มิราเคิล การ์เดน และสายการบินเอมิเรตส์ ที่จัดดอกไม้เป็นรูปเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ขนาดเท่าของจริง โดยสร้างจากวัสดุรีไซเคิล ใช้ดอกไม้สดและพรรณพืชกว่า 500,000 ต้น  และยังได้รับการรับรองจากกินเนสส์เวิลด์เรกคอร์ดส์ Guinness World Records ว่าเป็นการจัดดอกไม้ที่มีโครงสร้างใหญ่ที่สุดในโลก

เปิด วันธรรมดา (อาทิตย์-พฤหัสบดี) 9:00-21:00 น. ศุกร์ เสาร์ และวันหยุดเทศกาล 9:00-23:00 น. (วีกเอนด์ของที่นี่คือ วันศุกร์ และวันเสาร์)

ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 40 AED เด็ก 3-12 ปี 30 AED ผู้พิการและเด็กต่ำกว่า 2 ปี เข้าชมฟรี

เพจแนะนำ : เรียนดูไบ เรียนภาษาอังกฤษที่ สถาบัน ES Dubai ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์