จากข้อมูลข้างต้น ได้ทราบกันแล้วว่ากริยา 3 ช่อง มีหน้าที่แตกต่างกันในการใช้งาน กล่าวคือ การผันกริยา 3 ช่องใช้เพื่อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ในแต่ละช่วงเวลา หรือเป็นคำที่ใช้แสดงถึงอาการหรือเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ได้แก่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในอดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต สำหรับคำกริยา Regular Verbs หมายถึง คำกริยาที่คงรูปเดิม นั้นเราสามารถเติม -ed ต่อท้ายคำ หรือถ้าหาก -e อยู่แล้วก็เติมแค่ -d ด้านหลัง ก็สามารถทำให้คำกริยาเหล่านั้นเปลี่ยนกาลได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม คำกริยา Irregular Verbs หมายถึง คำกริยาที่ตัวมันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ต่างกันไป หรือบางทีก็ไม่เปลี่ยนเลย คำกริยาเหล่านี้ในภาษาอังกฤษนั้นมีจำนวนเยอะแยะมากมายจนแม้กระทั่งเจ้าของภาษาเองก็ยังจำไม่หมดเช่นกัน ดังนั้นการที่เราจะท่องจำคำศัพท์หนึ่งคำ พร้อมทั้งรูปกริยาทั้ง 3 กาลนั้น อาจจะทำให้หลาย ๆ คนที่กำลังตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษอยู่ท้อแท้ขึ้นมาได้ จึงมีเทคนิคการผันกริยา 3 ช่องมาฝาก
หากเราลองสังเกตดูดี ๆ แล้ว การผันกริยา Irregular Verbs (กริยาเปลี่ยนรูป) ในภาษาอังกฤษนั้น จะมีรูปแบบวนเวียนซ้ำกันอยู่ การท่องจำทั้งหมดอาจจะไม่จำเป็นเท่าการเข้าใจในการผันคำกริยาด้วยตนเอง อีกทั้งทริคที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้อาจเป็นการส่งเสริมการจำกริยา 3 ช่องอย่างยั่งยืน
1. รูปแบบอาศัยประสบการณ์จำ รูปแบบนี้จะไม่มีหลักเกณฑ์ในการผัน ซึ่งยังคงต้องอาศัยการท่องจำอยู่ เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Be | Was/were | Been |
Eat | Ate | Eaten |
See | Saw | Seen |
Go | Went | Gone |
Lie | Lay | Lain |
2. ไม่เปลี่ยนรูป แต่บางคำอ่านออกเสียงไม่เหมือนเดิม ส่วนใหญ่จะมีพยางค์เดียว เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Read | Read | Read |
Cut | Cut | Cut |
Let | Let | Let |
Put | Put | Put |
3. คำที่ลงท้ายด้วยตัว -d เป็นตัว -t เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Spend | Spent | Spent |
Build | Built | Built |
Lend | Lent | Lent |
Send | Sent | Sent |
4. สระ -i ในกริยาช่องที่ 2 จะเปลี่ยนเป็น สระ -a และสระ -i ในกริยาช่องที่ 3 จะเปลี่ยนเป็น สระ -u เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Swim | Swam | Swum |
Ring | Rang | Rung |
Sing | Sang | Sung |
Begin | Began | Begun |
5. ลดรูปพยัญชนะสระออกหนึ่งตัวในกริยาช่องที่ 2 และ 3 เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Meet | Met | Met |
Feed | Fed | Fed |
Shoot | Shot | Shot |
Bleed | Bled | Bled |
6. เปลี่ยนคำที่ลงท้ายด้วย -y เป็น -id เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Lay | Laid | Laid |
Pay | Paid | Paid |
Say | Said | Said |
7. เปลี่ยนคำที่ลงท้ายด้วย -eep เป็น -ept เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Sleep | Slept | Slept |
Keep | Kept | Kept |
Weep | Wept | Wept |
8. สระ -a, -o ในกริยาช่องที่ 2 จะเปลี่ยนเป็น สระ -e และในการผันกริยาประเภทนี้ในช่องที่ 3 จะเพิ่มพยัญชนะ -n, -en หลังกริยาช่องที่ 1 เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Draw | Drew | Drawn |
Blow | Blew | Blown |
Grow | Grew | Grown |
Know | Knew | Known |
Fall | Fell | Fallen |
9. กริยาในช่องที่ 2 และ 3 เปลี่ยนสระเป็นลงท้ายด้วย -aught, -ought เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Teach | Taught | Taught |
Buy | Bought | Bought |
Bring | Brought | Brought |
Catch | Caught | Caught |
10. กริยาในช่องที่ 2 และ 3 เปลี่ยนสระ -i เป็นลงท้ายด้วย -u เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Dig | Dug | Dug |
Wring | Wrung | Wrung |
Strike | Struck | Struck |
Swing | Swung | Swung |
11. กริยาช่องที่ 1 และ กริยาช่องที่ 3 เป็นรูปเดียวกัน แต่กริยาช่องที่ 2 มีการเปลี่ยนรูป เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Come | Came | Come |
Run | Ran | Run |
Become | Became | Become |
12. อื่นๆ เช่น
Base Form (V.1) | Simple Past Tense (V.2) | Past Participle (V.3) |
---|---|---|
Stand | Stood | Stood |
Tell | Told | Told |
Lose | Lost | Lost |
Make | Made | Made |
Has/have | Had | Had |
Hear | Heard | Heard |