มาทำความรู้จัก GED กันสักเล็กน้อย[custom_gallery source=”media: 84750″ limit=”4″ target=”blank” width=”530″ height=”160″ title=”never” class=”Gallery”][custom_gallery source=”media: 80289,80285,80290,80288,80287,80286,,80281,80284,80283″ limit=”9″ link=”lightbox” target=”blank” width=”140″ height=”140″ title=”never” class=”center”][custom_gallery source=”media: 78546,78545,78544,78543,78542,78541,78540,78539,78538″ limit=”9″ link=”image” target=”blank” width=”160″ height=”140″ title=”never” class=”center”][custom_gallery source=”media: 77578,77577,77576,77575,77574,77573″ limit=”6″ link=”image” width=”200″ height=”150″ title=”never” class=”center”] [/custom_gallery]

จุดเริ่มต้นของ GED มาจากไหน ?

GED ริเริ่มขึ้นและพัฒนาโดยบริษัท Pearson ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1945 เพื่อวัดรับดับวิชาของนักเรียนในกองทหารช่วงระหว่างที่จะจบ high school ต่อมานั้นเริ่มใส่วิชาสอบการเขียน essay และเนื้อหาข้อสอบเกี่ยวกับสังคมมากขึ้น หลังจากปี 1945 GED เป็นข้อสอบเชิงวิเคราะห์มากขึ้น แบ่งการให้คะแนนชัดเจน ปัจจุบันจุดประสงค์ของ GED ไม่ได้เพื่อต้องการจะวัดความสามารถทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้เด็กที่ไม่มี High School diploma ได้รับใบประกาศนียบัตรได้โดยตรง ในสหรัฐอเมริกามีศูนย์สอบ GED ถึง 3,200 แห่ง ตอนนี้มีการสอบ GED แบบ online แล้ว การ Test GED online มีในสหรัฐกับแคนาดา และมันสะดวกขึ้นด้วย มันเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนได้ฝึกทำข้อสอบ GED ด้วยตัวถ้าเด็กไม่ต้องการไปเรียน

GED คืออะไร?

GED (General Educational Development) คือ การสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อเอาใบประกาศนียบัตรยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในไทยและมหาลัยในสหรัฐอเมริกา GED นั้นจะมีสอบหลักๆ 5 วิชา คือ วิชาสอบเขียนภาษาอังกฤษ English writing, วิชาอ่านภาษาอังกฤษ English reading, วิชาคณิตศาสตร์ Mathematics, วิชาวิทยาศาสตร์ Sciences, และ วิชาสังคมศาสตร์ Social Science สิ่งที่นักเรียนทำสอบต้องรู้ คือ ข้อสอบ GED จะเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษทั้งหมด ระยะเวลาในการสอบจะใช้เวลา 3 ชั่วโมง ข้อสอบถ้าเป็นสังคมศาสตร์นั้นจะพูดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โลกบวกกับของอเมริกา เศรษฐกิจ สิทธิพลเมือง ข้อสอบ Math จะเป็นการคิดคำนวณพีชคณิต graph สถิต เรขาคณิต ส่วนวิทยาศาสตร์นั้นจะเป็นชีวะวิทยาและร่ายกายมนุษย์ ส่วยข้อสอบสุดท้ายภาษาอังกฤษถ้าเป็นข้อเขียนจะเป็นเรียงความประโยค และ ถ้าเป็นข้ออ่านส่วนมากจะเป็นเรื่องนวนิยาย และส่วนน้อยเป็นเรื่องอื่น คะแนนสูงสุดของ GED นั้น 800 คะแนน แต่นักเรียนต้องทำคะแนนให้ได้แต่ละวิชาให้ได้อย่างน้อย 410 คะแนน ไม่ใช่แค่นี้รวม 5 วิชา แล้วนักเรียนต้องทำคะแนนให้ได้ 2,250 คะแนนขึ้นไปถึงจะผ่าน

ถ้าสอบ GED ไม่ผ่านกลับทำอีกได้เมื่อไร ?

ในกรณีที่ไม่ผ่านหมดทุกวิชา นักเรียนสามารถกลับมาทำได้ 90 วัน หลังจากที่นักเรียนพึ่งสอบ GED คราวที่แล้วเสร็จ ค่าสอบทุกวิชาของ GED อยู่ที่ 250 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,738 บาท ถ้าเกิดครั้งต่อไปสอบผ่าน นักเรียนจะต้องจ่าย 510 บาท ค่าประกาศนียบัตร GED Diploma and Transcript ใบนี้จะได้ภายใน 4-6 สัปดาห์ อีกกรณีหนึ่งถ้านักเรียนสอบ GED ไม่ผ่านบางตัว นักเรียนสามารถซ่อมเป็นบางวิชาได้ เช่น ผมสอบ GED ไม่ผ่านวิชาเลข กับ วิชาวิทยาศาสตร์ ผมสามารถจ่ายแค่ค่า 2 วิชา นี้ที่ไม่ผ่านแทนที่ผมจะจ่ายทั้งหมด สอบซ้ำได้เกิน ครั้ง แต่ครั้งที่ต้องเว้นสัก 6 เดือน

สถานที่สอบ GED มีที่ไหนบ้าง ?

ถ้าเป็นในกรุงเทพจะมีที่สอบ GED ที่ House of Griffin, The Planner Education, Joint Education Home School, Better Plus และ The Enterprise Resources Training Co., Ltd. ส่วนใหญ่จะอยู่ในย่านสุขุมวิท พญาไท ในแต่ละที่จะมีคอร์สเรียน GED ที่เรียนเป็นกรุบด้วย มากไปกว่านั้นยังมีส่วนลดให้กับนักเรียนด้วย บวกกับเรียนฟรีถ้านักเรียนสอบ GED ไม่ผ่าน ถ้าจะไปสอบควรนัดวันล่วงหน้าสักหน่อย นักเรียนอายุต่ำกว่า 17 ปี ต้องมีใบรับรองจากผู้ปกครอง มิชะนั้นจะสอบไม่ได้ สามารถนำเครื่องคิดเลขเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์เท่านั้น วันไปสอบ GED ต้องแต่งตัวเรียบร้อยอย่างเหมาะสม อย่างเช่น กางเกงยีน เสื้อ T-shirt

มหาลัยไหนบ้างรับ GED ?

GED มีรับไม่กี่มหาลัยในไทยกับในสหรัฐอเมริกา แต่นักเรียนจะต้องรู้ว่าเราจะเข้ามหาลัยไหน สมมุติ นักเรียนต้องการเรียนหลักสูตรนานชาติ ที่เรารู้จักมันว่า international program ในไทย นักเรียนสามารถเข้าที่จุฬา มหิดล ศิลปากร หรือ ธรรมศาสตร์ ก็ได้ นักเรียนที่จะเรียนหลักสูตรนานาชาติ ไม่สามารถเอาใบรับรองที่สอบ GED ไปเรียนมหาลัยนอกจาก 4 มหาลัยนี้ได้เพราะเขาจะรับแค่หลักสูตรไทย สำหรับคนที่ต้องการไปเรียนที่อเมริกาสามารถใช้ GED ยื่นเข้าเรียนตามมหาลัยที่ list ด้านล่างได้เลย นอกเหนือจากมหาลัยที่ list มาแล้วเขาจะไม่รับ และ อาจต้องทำ Toelf หรือ Ilets

10 มหาลัยในไทยที่รับ GED 10 มหาลัยในสหรัฐอเมริกาที่รับ GED
*มหาลัยจุฬาลงกรณ์ (International program) Penn State University
*มหาลัยธรรมศาสตร์ (International program) University of Florida
*มหาลัยมหิดล (International program) University of Illinois
*มหาลัยศิลปากร (International program) University of Texas
*มหาลัยศรีนครินวิโรฒ (International program) DePaul University
มหาลัยหอการค้าไทย New York University
มหาลัยรังสิต Arizona State University
มหาลัยอัสสัมชัญ Indiana University
มหาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด University of Southern California
มหาลัยกรุงเทพ University of Colorado

 

*มหาลัยที่เปิดหลักสูตร international program ที่รับ GED จะมีเป็น คณะเช่นอย่างของจุฬาก็จะเป็น BALAC, CommDe, INDA, BBA ของธรรมศาสตร์จะเป็น BE, BAS, BMIR, BEC, BBA, GSSE มหาลัยศิลปากรจะมี BFA ส่วนมหาลัยศรีนครินวิโรฒจะมีแค่ BA. Sustainable tourism เท่านั้น

ก่อนที่จะสอบ GED นักเรียนจะต้องเตรียมความรู้อะไรบ้าง

  1. ก่อนสอบ GED ต้องมีกความรู้ในการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษ

การใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในการสอบอ่านและเขียนเพราะนักเรียนจะต้องนึกคำศัพท์เพื่อสร้างประโยคในการเขียนเรียงความให้มีประสิทธิภาพเพื่อทำคะแนนให้ดี นอกจากรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นๆแล้ว ยังต้องรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษชั้นสูงในการใช้ทางด้านวิชาการอีกด้วย ในการทำข้อสอบ GED ในการอ่านก็ดี นักเรียนต้องรู้คำศัพท์ที่มีความหมายเดียวกันในการเติมคำในประโยคที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือ Incomplete sentences ก่อนจะมาสอบ GED นักเรียนควรฝึกเขียนเรียงความสั้นๆ แล้วลองดูว่าเรามีความผิดพลาดตรงไหนบ้าง คำแนะนำง่ายๆ คือต้อง ลองใช้ประโยคที่หลากหลายในการเชื่อมต่อเรื่องราว เช่น “He hit the ball well, but he ran toward third base.” ในประโยคนี้เราจะเห็นว่า but ถูกใช้ในการขยายความว่าเพื่อเชื่อมโยงประโยคในเรื่องราวเดียวกัน อีกอย่างที่ต้องไม่ลืม คือ การใช้ adverb กับ adjective เพื่อทำให้ประโยคนั้นหน้าอ่านมากขึ้น ตัวอย่าง “The stream flowed quickly” เราจะเห็นว่า คำว่า quickly นั้นทำให้ความหมายชัดเจนขึ้น เรารู้แล้วว่ามันหมายถึง กระแสน้ำไหล แต่พอเพิ่มคำว่า quickly เข้าไปมันก็หมายความว่า น้ำมันไหลอย่างรวดเร็ว  ตัวอย่างของ adjective ก็มีเหมือนกัน เช่น The cake on the table looks delicious คำว่า delicious นั้น adjective ที่บอกให้เรารู้ว่า เค้กบนโต๊ะนั้นหน้าอร่อย  สุดท้ายแล้วนักเรียนที่จะมาสอบ GED ควรแม่น grammar เพราะเข้าจะตรวจตรงนี้อย่างแน่นอน

  1. ก่อนสอบ GED ต้องมีความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์เบื้องต้น

คนที่จะสอบ GED ต้องรู้สูตรทางเคมีกับสูตรฟิสิกส์ในการตอบคำถาม และรู้เรื่องวิทยาศาสตร์รอบด้านพวกกลุ่ม Cell, Disease, Nervous system, Human organ , Universe, Weather เป็นต้น นอกจากนี้เรายังต้องอ่าน graph ให้เป็นโดยจะมีคำถาม reasoning หรือ คำถามที่เราต้องใช้เหตุผล ส่วนมากคำถามจะเป็น multiple choices เหมือนคณิตศาสตร์ นักเรียนที่จะมาสอบควรจำธาตุทางเคมีให้แม่น เช่นพวก H2O O2 และ CA ข้อสอบวิทยาศาสตร์ GED ไม่ได้มีใช้สูตรเท่านั้น เราต้องสรุปผลทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร สำหรับพวกเราเด็กไทยแล้วจะเก่งเรื่องการคำนวณ แต่ข้อสอบ GED จะมีการให้อธิบายด้วยว่าตัวเลข physic ทำไมคำตอบถึงออกมาเป็นแบบนั้น ก่อนมาสอบควรอ่านคำศัพท์เกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์ อย่างจำพวก Force gravity radiation ด้วย ไม่งั้นอาจจะตอบคำถามผิดพลาดได้

  1. ก่อนสอบ GED ต้องมีความรู้ในการใช้สูตรคณิตในการคำนวณ

ในข้อสอบ GED นักเรียนที่จะสอบต้องจำสูตรคณิตศาสตร์ให้แม่นและต้องเคยทำข้อสอบตอนเรียนชั้นประถมหรือมัธยมมาแล้ว สูตร Area=side2  Perimeter=4xside Volume= edge3 Coordinate geometry= Y2-Y1 หาร X2-X1 Measure of central tendency= X1+X2+XN หาร N Pythagorean relationship a2 b2= c2 เป็นสูตรจำเป็นในการคำนวณปริมาด ก่อนมาสอบ GED ต้องรู้ว่าใช้ว่าจะเทียบบันยัดไตรยางเพื่อหาผลลัพธ์ ถ้านักเรียนเก่งคณิตแล้ว ควรทำความเข้าใจคำศัพท์เลขด้วย อย่าง how much time it will take Joe to drive from city A to city B ? และ อีกคำถาม คือ how long is the swimming pool edge? ให้ดูสองคำถามนี้ how much กับ how long อย่างคำถามแรก คือ เราต้องหาว่า Joe จะใช้เวลานานเท่าไรในการเดินทางจากเมือง A ถึง B ส่วนคำถามอันต่อมา คือ เราต้องหาว่า ขอบสระว่ายน้ำ หรือ swimming pool edge ยาวเท่าไร ในข้อสอบ GED การตีโจทย์ให้แตกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มิฉะนั้นแล้วเราจะคำนวณไม่ถูกเลย