เรียนต่ออเมริกา ศึกษาต่ออเมริกา ข้อมูลเรียนต่อสหรัฐอเมริกา

เรียนต่ออเมริกา หน้านี้ อธิบาย ข้อมูลโดยสรุปของการ เรียนต่อที่อเมริกา และข้อมูลโดยทั่วไป ของอเมริกา ซึ่งสามารถกดลิงค์อ่านต่อในหัวข้อต่าง ๆ เพื่อไปยังหน้ารายละเอียดทั้งหมดได้

เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายว่า อเมริกา เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่เป็นเลิศ และเป็นที่ตั้งของมหาลัยชั้นนำของโลกอย่าง  Harvard University, Massachusetts Institute of Technology (MIT),University of Chicago,Stanford University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางถึงคุณภาพทางวิชาการ คุณภาพของผู้สอนและนักศึกษา อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่และมีที่รวมกลุ่มกันในนาม ไอวีลีก (Ivy League) อย่าง  Yale University, University of Pennsylvania, Princeton University, Columbia University, Brown University, Dartmouth College, Cornell University  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับท็อปของโลก

ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศ อเมริกา แน่นอนว่าเป็นประเทศอันดับต้นๆที่ใครๆก็ใฝ่ฝันที่จะไปเรียน เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีคุณภาพ สมกับเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี, และการศึกษา ซึ่งใครที่มีโอกาสได้ไปเรียนต่างก็ตอบมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นประเทศที่เจ๋งจริงๆ” เพราะเราจะได้เรียนรู้และได้อะไรมาหลายๆอย่างจากที่นี่ ซึ่งถือว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน นอกจากนั้นเรายังได้ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกความอดทนจากความท้าทายที่ต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเองในต่างประเทศ ได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ได้รับความสนใจใหม่ หรือความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ การที่ไป เรียนต่ออเมริกา  ก็อาจทำให้เราค้นพบตัวเอง หรือมีแรงบันดาลใจใหม่ๆก็เป็นได้

เหตุผลที่ควร เรียนต่ออเมริกา

ด้านภาษา ได้ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันที่แท้จริง เนื่องจากสำเนียงสไตล์อเมริกันมีทั้งเสน่ห์และความไพเราะ อีกทั้งยังมีความคุ้นหูจากที่เคยได้เรียนในโรงเรียนกับคุณครูต่างชาติที่เป็นอเมริกันนั่นเอง

ด้านวัฒนธรรม ประเทศ อเมริกา เป็นประเทศที่กว้างใหญ่ จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก คุณจะเห็นได้จากคนหลายชาติพันธุ์เดินกันให้ขวักไขว่ในเมืองๆเดียว เป็นที่หมายหลักๆที่คนนิยมเดินทางมาสั่งสมประสบการณ์ชีวิต เรียกได้ว่า มาแล้ว ได้รับอะไรใหม่ๆกลับไปแน่นอน

ค่าเล่าเรียน หลายๆคนอาจจะคิดว่าค่าเล่าเรียนที่ อเมริกา ค่อนข้างแพง แต่ถ้าคิดในสิ่งที่เราจะได้รับกลับมา ขอบอกเลยว่าคุ้มแน่นอน นอกจากจะได้ภาษาแล้ว การเรียนการสอนที่นั่น มีคุณภาพทางวิชาการที่นับได้ว่าติดอันดับโลกเลยทีเดียว กิจกรรมที่ทำทั้งในมหาวิทยาลัยและในโรงเรียน ค่อนข้างจะแตกต่างจากประเทศไทยพอสมควร

การเดินทาง อเมริกา การเดินทางเรียกได้ว่าสะดวกสบายมาก แถมบริการยังถูกและมีคุณภาพอีกด้วย ที่เรียนจะใกล้หรือไกลไม่ใช่ปัญหา เพราะที่นั่นเขาทำทุกอย่างให้เดินทางเชื่อมต่อกันได้ จะขึ้นรถ เดินเรือ ขึ้นรถไฟ เขามีพร้อมทุกอย่าง อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการเดินทางทั่วโลก

สถานที่ท่องเที่ยว  อเมริกา มีตั้ง 50 รัฐ แน่นอนว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่แนะนำเลยก็จะมี น้ำตกไนแองการา ในรัฐนิวยอร์ก แกรนแคนยอน รัฐแอริโซนา นอกจากนั้นยังมี สะพานโกลเดนเกต ในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้งประเทศเขาเนี่ย ตึกรามบ้านช่องยังสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย ความปลอดภัยในเมืองต่างๆยังติดอันดับโลก เหตุผลแค่นี้ก็ทำให้อยากไปเรียนต่อไม่ไหวแล้ว!!!

สถาบันเรียนภาษาที่ อเมริกา

ปัจจุบันภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านการเรียน การทำงานและการเข้าสังคม แน่นอนว่าผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดี ย่อมได้เปรียบกว่าในหลายๆด้าน การ เรียนภาษาที่ อเมริกา เป็นตัวเลือกที่ดี ในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เนื่องจากที่ประเทศอเมริกามีสถาบันสอนภาษาอยู่มากมายและมีหลายหลักสูตรให้เลือก โดยหลักสูตรที่เปิดสอนส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตร Intensive English Program นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษสำเนียงแบบอเมริกาค่อนข้างง่ายต่อการสื่อสาร จึงช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะภาษาทั้งในด้านการอ่าน การเขียน การพูดและการฟัง ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการ เรียนภาษาที่อเมริกา จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง

แนะนำสถาบันเรียนภาษาที่ นิวยอร์ก อเมริกา

เรียนภาษาที่อเมริกา Zoni

ลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.educatepark.com/เรียนต่ออเมริกา/zoni-language-centers/

ปริญญาตรี

การเรียนหลักสูตรปริญญาตรีในประเทศ อเมริกา จะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 4 ปี โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ดังนี้

  1. ระดับปริญญาตรี ช่วง 2 ปีแรก – โดยปี 1 เรียกว่า Freshman และ ปี 2 เรียกว่า Sophomore ในช่วง 2 ปีนี้ทางมหาลัยส่วนใหญ่จะกำหนดให้นักศึกษาลงเรียนวิชาในภาคสาขาที่หลากหลาย รวมถึงภาคการศึกษาทั่วไป, ภาคสังคมศาสตร์, ภาคมนุษยศาสตร์, ภาควิทยาศาสตร์, และภาควิชาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเอกวิชาที่นักศึกษาตั้งใจจะศึกษา
  2. ระดับปริญญาตรี ช่วง 2 ปีหลัง – โดยปี 3 เรียกว่า Junior และ ปี 4 เรียกว่า Senior ในช่วง 2 ปีนี้นักศึกษาจะต้องเลือก เอกวิชา โดยส่วนมากนักศึกษาจะต้องลงเรียนวิชาภายใต้สาขาวิชาที่เลือกตอนช่วง 2 ปีแรก นอกจากนั้นนักศึกษายังสามารถที่เลือกวิชารองได้อีกด้วย

ตัวอย่างค่าเล่าเรียนของมหาลัยที่ อเมริกา ด้าน Business

Top 10 QS Ranking

  • Harvard University ประมาณ $50,000 หรือ 1,600,000 บาท ต่อปี
  • Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประมาณ $53,125 หรือ 1,700,000 บาท ต่อปี
  • Stanford University ประมาณ $51,562.5‬ หรือ 1,650,000 บาท ต่อปี

Top 100 QS Ranking

  • Carnegie Mellon University ประมาณ $55,816 หรือ 1,786,112‬ บาท ต่อปี
  • Brown University ประมาณ $57,112 หรือ 1,827,584 บาท ต่อปี
  • Rice University ประมาณ $ 48,330 หรือ 1,546,560‬ ต่อปี

Top 500 QS Ranking

  • George Washington University ประมาณ $56,845 หรือ 1,819,040‬ บาท ต่อปี
  • The University Of Georgia ประมาณ $31,120 หรือ 995,840‬ บาท ต่อปี
  • University Of New Mexico ประมาณ $23,292. หรือ 745,344 บาท ต่อปี

ปริญญาโท

การเรียนต่อในระดับปริญญาโท ใน อเมริกา นั้นจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปีโดยส่วนใหญ่ โดยในปีแรกจะเป็นการเรียนปูพื้นฐาน และในช่วงปีที่ 2 เข้าวิชาหลักระดับปริญญาโท

ตัวอย่างค่าเล่าเรียนของมหาลัยที่ อเมริกา ด้าน Business

Top 10 QS Ranking

  • Harvard University ประมาณ $46,875‬ หรือ 1,500,000 บาท ต่อปี
  • Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประมาณ $43,750 หรือ 1,400,000 บาท ต่อปี
  • Stanford University ประมาณ $54,687.5 หรือ 1,750,000บาท ต่อปี

Top 100 QS Ranking

  • Brown University ประมาณ $56,250 หรือ 1,800,000 บาท ต่อปี
  • University Of Texas At Austin ประมาณ $22,187.5 หรือ 710,000 บาท ต่อปี
  • Boston University ประมาณ $54,687.5 หรือ 1,750,000 บาท ต่อปี

Top 500 QS Ranking

  • Purdue University ประมาณ $31,250 หรือ 1,000,000 บาท ต่อปี
  • Michigan State University ประมาณ $40,625 หรือ 1,300,000 บาท ต่อปี
  • University Of Miami ประมาณ $50,000 หรือ 1,600,000 บาท ต่อปี

 

มัธยม

การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาของประเทศ อเมริกา นั้น จะเริ่มตั้งแต่ Grade 7 จนถึง Grade 12 ถ้าเทียบกับระดับมัธยมศึกษาในไทยก็คือ ม. 1 ถึง ม.6 นั้นเอง โดยระบบมัธยมจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่

ช่วงที่ 1 คือ Grade 7 และ Grade 8 หรือระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Junior High School)
ช่วงที่ 2 คือ Grade 9 ถึง Grade 12 หรือระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior High School)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.ustraveldocs.com/

เรียนต่ออเมริกา ศึกษาต่ออเมริกา ข้อมูลเรียนต่อสหรัฐอเมริกา Study in USA