อันยองฮาเซโย สวัสดีค่ะทุกคน หลายๆคนอาจกังวลว่าหากเดินทางไปประเทศเกาหลีแล้วจะติด ตม  หรือเปล่า? จะโดนถามอะไรเยอะไหม? พูดภาษาอักฤษไม่ได้จะโดนเข้าห้องเย็นหรือเปล่า? แต่เมื่อเราตั้งใจที่จะไปท่องเที่ยวหรือไปเรียนจริงๆ แค่เตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง ก็สามารถผ่านได้สบายๆเลยล่ะค่ะ มาลองอ่านรีวิวแชร์ประสบการเข้า ตม เกาหลี พร้อมคำแนะนำกันดูนะคะ Let’s go!

เตรียมตัวเดินทาง ดีกว่าอ้างว้างในห้องเย็น

เราตั้งใจไปเที่ยวเกาหลีคนเดียว 4 วัน 3 คืน ช่วงเดือนพฤศจิกายน วางแผนการเดินทาง ทำการจองที่พักและตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย เราเดินทางกับสายการบิน Eastar Jet เครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ ตี 2 ครึ่ง ถึงสนามบินอินชอนประมาณ 10 โมงครึ่ง เอกสารที่เตรียมติดตัวไว้ตามนี้เลยค่ะ

  1. Passport
  2. สำเนา Passport
  3. เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน
  4. เอกสารการจองที่พัก
  5. เอกสารการวางแผนเดินทาง

เอกสารต่างๆควรปริ้นออกมาเป็นกระดาษทั้งหมดเลยนะคะ ไม่แนะนำให้ให้โชว์หลักฐานต่างๆผ่านหน้าจอโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ค่ะ

การแต่งตัว ไม่ดูยั่วๆแค่นั้นก็พอ

วันที่เดินทางเราใส่เสื้อแขนยาว กางเกงยายาว และรองเท้าผ้าใบ หน้าไม่ได้แต่งเพราะบินตอนกลางคืน  ลงจากเครื่องหน้าสดสภาพก็คือพึ่งตื่นนอน ตอนแรกเราก็กังวลว่าเราจะดูโทรมไปมั้ยนะ เจ้าหน้าที่ตม.เค้าจะสงสัยอะไรเราไหม กังวลคิดมากไปหมด แต่เราก็ผ่านมันมาได้แบบง่ายมากๆ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าแค่ดูบุคลิกภาพโดยรวมของเรา  แค่แต่งตัวแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับการเดินทาง จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ได้แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลย วันที่เดินทางแนะนำว่าไม่ควรใส่สายเดี่ยว กางเกงขาสั้นรัดๆ รองเท้าแตะ หรือใส่เครื่องประดับแพงๆเยอะเกินไปแค่นั้นก็พอแล้วจ้า

ใบเข้า ตม. เกาหลี พกปากกาไปด้วยก็ดี

ตอนอยู่บนเครื่องบิน แอร์โฮสเตทเค้าจะแจกใบเข้า ตม.ให้กับผู้โดยสารต่างชาติ หากใครไม่ได้รับก็สามารถขอเค้าได้เลยนะคะ แนะนำให้พกปากกาติดตัวไปบนเครื่องบินด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามากรอกข้อมูลทีหลังตอนลงจากเครื่องค่ะ ส่วนรายละเอียดที่ต้องกรอกตามในรูปด้านล่างนี้เลยจ้า

ลงจากเครื่อง มองชำเลืองตามเขาไป

เมื่อลงจากเครื่องแล้ว เราต้องนั่งรถไฟต่อเพื่อไปอาคารผู้โดยสารขาเข้า เป็นรถไฟใต้ดินภายในสนามบิน ไม่ต้องซื้อตั๋วโดยสารนะคะ ลงจากเครื่องแล้วขึ้นรถไฟไปต่อได้เลย สาเหตุที่ต้องนั่งรถไฟเพราะอาคารผู้โดยสารขาเข้าค่อนข้างไกลค่ะ

ตม เกาหลี

จุดรอรถไฟ

เขาลือว่าโหด แต่เจอในโหมดนางฟ้า

เราสังเกตหน้าตาของเจ้าหน้าที่ และเลือกช่องเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงดูใจดีๆและอายุใกล้เคียงกับเรา จะบอกว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนหน้าตาไม่ได้ดูโหดตามคำที่รำ่ลือกันเลยค่ะ เค้าเหมือนพนักงานปกติทั่วไป ไม่ได้ดูโหดและน่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย เนื่องจากเรามาคนเดียว เลือกต่อแถวคนข้างหน้าเราเป็นชาวต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทย แนะนำเลยว่าไม่ควรไปต่อแถวต่อจากคนไทยด้วยกัน เพราะเค้าอาจะเป็น ผีน้อย แล้วแอบอ้างว่ารู้จักกับเราหรือมาด้วยกันกับเราได้ค่ะ ระหว่างรอต่อแถวก็เอาแฟ้มเอกสารที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋ามาถือไว้ในมือเผื่อเจ้าหน้าที่เค้าขอดู ห้ามเซลฟี่หรือถ่ายรูประหว่างต่อแถวพบเจ้าหน้าที่ ตม. นะคะ พอถึงคิวปุ๊ป เรายื่นแค่ Passport กับใบ Arrival card ให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเค้าก็ให้เราสแกนลายนิ้วมือ ในใจเราก็ตื่นเต้นว่าเค้าจะถามอะไรเราบ้างนะ กลัวโดนถามอะไรยากๆแล้วตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่พอสแกนนิ้วเสร็จปุ๊ปเค้าก็มีใบกระดาษสีขาวเล็กๆแทนการปั๊มประทับตรา โดยแนบมาใน Passport ของเรา ถือว่าเสร็จสิ้นเรียบร้อย เดินไปรับกระเป๋าตรงจุดรับสัมภาระต่อได้เลย เราก็ออกมาแบบงงๆ และคิดในใจว่า เห้ยยย เค้าไม่ถามอะไรเลยหรอ เป็นไปได้ไงเนี่ย เดินออกมาแบบชิลๆ สบายมาก พร้อมลุยเดินทางกันต่อได้เลยจ้า

จุดรับสัมภาระ

ผ่านฉลุย พร้อมลุยสู่แดนกิมจิ

หลังจากที่รับกระเป๋าเสร็จ เราเลือกที่จะเดินทางไปยังที่พักโดย Airport Limousine Bus (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.theseoulguide.com/incheon-airport-limousine-bus/ ) เราคิดว่าค่อนข้างสะดวกกว่านั่งรถไฟ เพราะรถไฟมีบางสถานีที่เราต้องเปลี่ยนสาย ซึ่งตอนเปลี่ยนสายเดินค่อนข้างไกล ยิ่งมีกระเป๋าและสัมภาระต้องหิ้วต้องแบกขนขึ้นบันได อาจจะเป็นลมล้มพับอยู่ในสถานีก่อน 55555 สามาถซื้อตั๋วรถบัสได้ที่เคาท์เตอร์ตามรูปด้านล่างนี้เลยนะคะ เราลงที่สถานีเมียงดง ราคา 15,000 วอนค่ะ พนักงานจะแจ้งว่าให้ไปรอตรงทางออกไหน หมายเลขรถอะไร แต่ข้อมูลทุกอย่างจะอยู่ในตั๋วแล้ว เราก็ออกจากอาคารเพื่อไปรอรถข้างนอกได้เลยจ้า

ตม เกาหลี

เคาท์เตอร์ซื้อตั๋วรถบัส

ตม เกาหลี

ตั๋วรถบัส

ตม เกาหลี

รสบัส หมายเลข 6015

เห็นไหมคะ ว่า ตม. เกาหลี ไม่ได้เข้ายากเลย แค่เตรียมตัวให้พร้อม ทำตัวปกติไม่ต้องกังวลมากเกินไป หวังว่าข้อมูลแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่เตรียมตัวเดินทางไปประเทศเกาหลีกันนะคะ อันยอง^^

ท่านอาจสนใจ อุณภูมิในเกาหลี