เนื้อเพลง แปลเพลง The Tortured Poets Department – Taylor Swift (บทกวีที่เจ็บปวด) ความหมายเพลง

แปลเพลง The Tortured Poets Department – Taylor Swift เนื้อเพลง The Tortured Poets Department – Taylor Swift และ ความหมายเพลง

เนื้อเพลง แปลเพลง The Tortured Poets Department - Taylor Swift

Artist: Taylor Swift
Song: The Tortured Poets Department

Youtube Official : https://www.youtube.com/watch?v=RQMz4JDbtmI

เนื้อเพลง แปลเพลง The Tortured Poets Department – Taylor Swift (บทกวีที่เจ็บปวด)

[Verse 1]
You left your typewriter at my apartment
คุณทิ้งเครื่องพิมพ์ดีดไว้ที่อพาร์ตเมนต์ของฉัน
Straight from the tortured poets department
ราวกับว่าตรงมาจากแผนกที่เชี่ยวชาญด้านบทกวีที่เจ็บปวดใจ
I think some things I never say
ฉันคิดว่ามีบางอย่างที่ฉันไม่เคยพูดออกมา
Like, “Who uses typewriters anyway?”
เหมือนว่า “สมัยนี้ใครจะใช้เครื่องพิมพ์ดีดกันอยู่อีก”
But you’re in self-sabotage mode
แต่คุณกำลังอยู่ในโหมดการก่อวินาศกรรมตัวเอง
Throwing spikes down on the road
ที่คอยขว้างหนามแหลมสร้างอุปสรรคไปบนเส้นทางของตัวเอง
But I’ve seen this episode and still loved the show
ฉันเคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้มาก่อนแต่ก็ยังคงรักและเข้าใจ
Who else decodes you?
จะมีใครที่เข้าใจคุณเป็นพิเศษแบบนี้อีกบ้าง

[Chorus]
And who’s gonna hold you like me?
แล้วใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจเหมือนอย่างที่ฉันทำให้คุณได้หล่ะ
And who’s gonna know you, if not me?
แล้วใครจะรู้จักคุณลึกซึ้ง ถ้าไม่ใช่ฉัน
I laughed in your face and said
ฉันหัวเราะต่อหน้าคุณแล้วพูดว่า
“You’re not Dylan Thomas, I’m not Patti Smith
“คุณไม่ใช่ดีแลน โธมัส และฉันก็ไม่ใช่แพตตี้ สมิธ
This ain’t the Chelsea Hotel, we’rе modern idiots”
นี่ไม่ใช่โรงแรมเชลซี เราต่างต้องเผชิญกับความซับซ้อนของยุคสมัยใหม่นี้”
And who’s gonna hold you like me?
แล้วใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจเหมือนอย่างที่ฉันทำให้คุณได้หล่ะ

[Post-Chorus]
Nobody
ไม่มีใครเลย
No-fucking-body
ไม่มีใครที่จะทำได้อย่างนั้น
Nobody
ไม่มีใคร

[Verse 2]
You smokеd, then ate seven bars of chocolate
คุณสูบบุหรี่ แล้วกินช็อกโกแลตไปเจ็ดแท่งเพื่อรับมือกับความเครียด
We declared Charlie Puth should be a bigger artist
เราเสนอแนะกันว่า ชาร์ลี พุธ สมควรได้รับการยอมรับมากขึ้นกว่านี้
I scratch your head, you fall asleep
ฉันปลอบโยนคุณด้วยการเกาหัวของคุณจนกว่าคุณจะหลับไป
Like a tattooed golden retriever
เหมือนรอยสักโกลเด้นรีทรีฟเวอร์
But you awaken with dread
แต่คุณตื่นมาด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล
Pounding nails in your head
ด้วยความสับสนวุ่นวายอยู่ภายใน
But I’ve read this one where you come undone
ฉันได้เห็นช่วงเวลาความทุกข์ยากของคุณ แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับคุณ
I chose this cyclone with you
ฉันเลือกจะเผชิญกับความสับสนวุ่นวายเพื่อฝ่าฟันพายุแห่งชีวิตร่วมกัน

[Chorus]
And who’s gonna hold you like me?
แล้วใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจเหมือนอย่างที่ฉันทำให้คุณได้หล่ะ
(Who’s gonna hold you? Who’s gonna hold you?)
(ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ)
And who’s gonna know you like me?
แล้วใครจะรู้จักคุณลึกซึ้ง เข้าใจคุณเหมือนอย่างฉัน
(Who’s gonna know you?)
(ใครจะรู้จักคุณลึกซึ้ง เข้าใจคุณ)
I laughed in your face and said
ฉันหัวเราะต่อหน้าคุณแล้วพูดว่า
“You’re not Dylan Thomas, I’m not Patti Smith
“คุณไม่ใช่ดีแลน โธมัส และฉันก็ไม่ใช่แพตตี้ สมิธ
This ain’t the Chelsea Hotel, we’rе modern idiots”
นี่ไม่ใช่โรงแรมเชลซี เราต่างต้องเผชิญกับความซับซ้อนของยุคสมัยใหม่นี้”
And who’s gonna hold you like me?
แล้วใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจเหมือนอย่างที่ฉันทำให้คุณได้หล่ะ
(Who’s gonna hold you? Who’s gonna hold you?)
(ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ)

[Post-Chorus]
No-fucking-body
ไม่มีใครที่จะทำได้อย่างนั้น
(Who’s gonna hold you? Who’s gonna hold you?)
(ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ)
Nobody
ไม่มีใคร
(Who’s gonna hold you? Gonna know you? Gonna troll you?)
(ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ รู้จักคุณดีแล้วคอยก่อกวนคุณ)
Nobody
ไม่มีใครเลย

[Bridge]
Sometimes, I wonder if you’re gonna screw this up with me
บางครั้งฉันสงสัยว่าคุณจะทำให้ความสัมพันธ์ของเราต้องสั่นคลอนหรือเปล่า
But you told Lucy you’d kill yourself if I ever leave
แต่คุณบอกลูซีว่าคุณจะทำร้ายตัวเองถ้าฉันเดินจากไป
And I had said that to Jack about you, so I felt seen
และฉันก็บอกแจ็คเกี่ยวกับคุณแล้ว ดังนั้นฉันรู้สึกว่าเข้าใจ
Everyone we know understands why it’s meant to be
ทุกคนที่เรารู้จักเข้าใจและยอมรับว่าทำไมเราถึงได้เหมาะสมกัน
Cause we’re crazy
เพราะเราสองบ้าเหมือนกัน
So tell me, who else is gonna know me?
ถ้าอย่างนั้นบอกฉันสิว่าใครจะรู้จักและเข้าใจฉันเป็นอย่างดีอีกบ้าง
At dinner, you take my ring off my middle finger
ในมื้อเย็น คุณถอดแหวนของฉันออกจากนิ้วกลาง
And put it on the one people put wedding rings on
และสวมแหวนไปยังนิ้วนางเหมือนสวมแหวนแต่งงาน
And that’s the closest I’ve come to my heart exploding
และนั่นทำให้ฉันความรู้สึกที่ท่วมท้นจนแทบหัวใจจะระเบิดออกมา

[Chorus]
Who’s gonna hold you? (Who?)
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ (ใครกัน)
Me
ฉันเอง
Who’s gonna know you? (Who?)
ใครจะรู้จักคุณลึกซึ้ง เข้าใจคุณ (ใครกัน)
Me
ฉันเอง
And you’re not Dylan Thomas, I’m not Patti Smith
คุณไม่ใช่ดีแลน โธมัส และฉันก็ไม่ใช่แพตตี้ สมิธ
This ain’t the Chelsea Hotel, we’re two idiots
นี่ไม่ใช่โรงแรมเชลซี เราทั้งสองต่างก็มีข้อพกพร่อง
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ

[Post-Chorus]
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Who’s gonna hold you?
ใครที่จะโอบกอดมอบความสบายใจให้คุณ
Gonna know you? Gonna troll you?
ใครที่รู้จักคุณดีแล้วคอยก่อกวนคุณ

[Outro]
You left your typewriter at my apartment
คุณทิ้งเครื่องพิมพ์ดีดไว้ที่อพาร์ตเมนต์ของฉัน
Straight from the tortured poets department
ราวกับว่าตรงมาจากแผนกที่เชี่ยวชาญด้านกวีที่ทำให้เจ็บปวดใจ
Who else decodes you?
จะมีใครที่เข้าใจคุณเป็นพิเศษแบบนี้อีกบ้าง

กลับหน้ารวมเพลง –