ประวัติหลิวอี้เฟย เตรียมต้อนรับมู่หลานคนใหม่

ประวัติหลิวอี้เฟย

เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับแฟนๆของสาว หลิวอี้เฟย นักแสดงหญิงชาวจีนที่ได้รับบท ฮวามู่หลาน ในภาพยนตร์ live-action ซึ่งดัดแปลงมาจาก อนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Mulan ของ Walt Disney Pictures และได้ผู้กำกับสาวชาวนิวซีแลนด์อย่าง Niki Caro เป็นผู้กำกับการแสดงอีกด้วย

โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึง  ‘ฮวา มู่หลาน บุตรสาวของฮวา หู นักรบเลื่องชื่อ นางได้ปลอมตัวเป็นชายนามว่า ฮวาจุน เพื่อเข้าเป็นทหารแทนบิดาที่ป่วย เนื่องจากจักรพรรดิถังไท่จงรับสั่งให้เกณฑ์บุรุษครอบครัวละหนึ่งคนไปเข้าทัพหลวงเพื่อป้องกันผู้รุกรานจากทางเหนือ นางเป็นหญิงที่เด็ดเดี่ยว มีขวัญกำลังใจดีและฝีเท้าว่องไวพร้อมเผชิญการทดสอบทุกขั้นตอน’

หลังจากทีมคัดเลือกนักแสดงได้ออกเดินทางค้นหาข้ามทวีปมาเป็นแรมปี สำหรับบทนักรบหญิงที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการต่อสู้ พร้อมทั้งสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี และยังต้องมีความสามารถพิเศษอื่นๆที่นักแสดงนำของดิสนีย์พึงจะมี หลิวอี้เฟย ได้รับเลือกหลังจากเอาชนะผู้คนนับพันที่เข้ารับคัดเลือกในบทบาทนี้

Caro ได้กล่าวถึงหลิวอี้เฟยว่า “มันเป็นจิตวิญญาณของเธอ เธอฉลาดมาก เธอดูแข็งแกร่งในขณะที่ต่อสู้ด้วยดาบทั้งยังสวยจนน่าเหลื่อเชื่อ แต่ในขณะที่รับบทเป็นผู้ชายเธอก็หล่อมากเช่นกัน เธอดูเหมาะกับกองทัพทหารมากเลยล่ะ” และยังได้ทิ้งท้ายไว้อีกว่า  “เธอควรค่าแก่การรอคอยจริงๆ”

หลิว อี้เฟย เกิดวันที่ 25 สิงหาคม 1987 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เธอมีชื่อเดิมว่าอัน เฟิง  เป็นลูกสาวคนเดียวของ นายอัน เช่าคัง เลขานุการประจำสถานทูตจีนในฝรั่งเศสและยังเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสอีกด้วย ในขณะที่แม่ของเธอ หลิว เสี่ยวลี่ เป็นนักเต้นและนักแสดงละครเวที ความเปล่งประกายของเธอเริ่มขึ้นเมื่อเธอชนะเลิศการประกวดนางแบบรุ่นจิ๋วในวัย 8 ปี แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อเธออายุได้เพียง 10 ขวบพ่อแม่ของเธอก็แยกทางกันและแม่ของเธอต้องเลี้ยงเธอเพียงลำพัง ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเธอได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลหลิวของแม่และเปลี่ยนชื่อเป็น หลิวซีเหมยจื่อ มีชื่อเล่นว่าซีซีและเริ่มเข้าสู่วงการนางแบบควบคู่ไปกับการฝึกเต้น ร้องเพลงและเล่นเปียโน

หลังจากนั้นไม่นานเธอกับแม่ก็ย้ายไปอาศัยอยู่ที่เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาและเธอได้เข้าเรียนที่  Louis Pasteur Middle School เป็นเวลา4ปี เธอได้สัญชาติอเมริกันโดยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า คริสตัล (Crystal) ก่อนจะกลับมาประเทศจีนในปี 2002 เพื่อสานต่อความฝันในอาชีพนักแสดง เธอได้เปลี่ยนชื่อเป็น หลิวอี้เฟย และได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้านการแสดงที่มีชื่อเสียงอย่าง Beijing Film Academy โดยจบการศึกษาในปี 2006 ในวัยเพียง 18 ปี

ในช่วงที่เธอเข้าเรียนในสถาบันภาพยนตร์ปักกิ่งเธอได้รับข้อเสนอให้แสดงละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ซึ่งละครเรื่องแรกที่ทำให้เธอได้ปรากฎตัวในจอแก้วคือเรื่อง The Story of a Noble Family (2003) และได้รับเรทติ้งสูงที่สุดในช่อง CCTV และผลตอบรับที่ดีจากผู้ชมมากมาย ในปีเดียวกันนี้เธอยังได้รับเลือกจากจางจี้จงให้ไปรับบท หวังอวี่เยียน ใน Demi-Gods and Semi-Devils หรือคนไทยรู้จักในชื่อ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ซึ่งฉายในไต้หวันและประสบความสำเร็จด้วยเรทติ้ง 5.69 กลายเป็นละครจีนที่เรทติ้งสูงที่สุดในไต้หวัน และด้วยบทบาทสาวงามของหวังอวี่เยียน ยังทำให้หลิวอี้เฟย ได้รับฉายา Fairy Sister จากสื่อและแฟนๆอีกด้วย

ต่อมาในปี 2006 บทบาทที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รักและเป็นที่พูดถึงอย่างมากคงจะหนีไม่พ้น เซียวเล่งนึง ในมังกรหยก ภาค 2 ตอน ตำนานศึกเทพอินทรี ที่ถึงแม้ในตอนต้นจะมีเสียงวิพาทย์วิจารณ์ว่าเธอเด็กเกินไปหรือเปล่า แต่ในท้ายที่สุดความสวยใสแบบไร้เดียงสาของเธอก็สามารถกุมหัวใจคนดูไว้ได้ เล่นทำเอาเพ้อไปหลายวันเลยทีเดียว

และในปี 2007 เธอได้ก้าวเข้าสู่การแสดงระดับฮอลิวู๊ดกับบทบาทในภาพยนตร์ The Forbidden Kingdom เป็นภาพยนตร์ที่เฉินหลงร่วมแสดงกับเจท ลีเป็นครั้งแรกและกวาดรายได้รวมทั่วโลกที่ 127,906,624 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากผลงานด้านการแสดงแล้ว เธอยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวแม่สำหรับวงการแฟชั่น ที่ได้เข้าร่วมอีเว้นต์ของแบรนด์ต่างๆมาแล้วมากมาย อาทิเช่น Dior, Chanel, Armani

ทั้งยังควบตำแหน่ง Brand Ambassador ของ Chaumet   และล่าสุดกับ Brand Ambassador ของ Adidas ในแคมเปญ CNY อีกด้วย

ในส่วนของภาพยนตร์ดัดแปลงจากอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยม Mulan นั้น มีกำหนดเข้าฉายในไทยวันที่ 26 มีนาคม 2020 ซึ่งหลายๆคนคงรอคอยที่จะเห็น หลิวอี้เฟยกับบทบาทมู่หลานกันอยู่แน่นอน แต่ระหว่างรอเราไปฟังเสียงหวานๆของสาว หลิวอี้เฟย ซึ่งได้ขับร้องเพลง Reflection ในเวอร์ชั่นภาษาจีนกันก่อนดีกว่า

สามารถให้กำลังใจและติดตามผลงานของ หลิวอี้เฟย ได้ที่

Weibo :  https://www.weibo.com/liuyifeiofficial?topnav=1&wvr=6&topsug=1&is_hot=1

ท่านอาจสนใจ click เปิด ประวัติ เซียวจ้าน หรือ เว่ยอู๋เซี่ยน จากซีรีย์จีนสุดฮิต ‘ปรมาจารย์ลัทธิมาร’